เดินหน้าเก็บภาษีหุ้นปีหน้าทันที

Date:

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม) มีมติอนุมัติหลักการยกเลิกการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนที่ 4 ถัดจากเดือนที่พระราชกฤษฎีกาประกาศในราชกิจจานุเบกษา (Grace Period ประมาณ 90 วัน)

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ตอนนี้เดินหน้ากฎหมายตามขั้นตอน ที่ต้องนี้ได้เสนอร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าและรอการโปรดเกล้า เพื่อลงในประกาศราชกิจนุเบกษา ซึ่งไทม์ไลน์การเก็บภาษีเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายไว้ระบุไว้ทุกอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง

“กรมสรรพากรคาดว่า ร่างกฎหมายจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ในเดือน ม.ค. 2566 และเริ่มเก็บวันที่ 1 ของเดือนที่ 4 ถัดไป ก็น่าจะเป็นวันที่ 1 พ.ค. 2566 การมีช่วงเวลาไม่เก็บทันทีที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ เพราะต้องการให้โปรกดเกอร์มีเวลาเตรียมระบบในการซื้อขายและการหักภาษี เพื่อนำส่งให้กรมสรรพากร” นายลวรณ กล่าว

ทั้งนี้ กรมสรรพากรเชื่อมั่นว่า ตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวได้ในไม่ช้า ไม่น่าเป็นห่วงอย่างที่นักลงทุนกังวลมากเกินไป สำหรับการเก็บภาษีหุ้น มีการยกเว้นการจัดเก็บมาเป็นเวลากว่า 30 ปี โดยแบ่งการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะเป็น 2 ช่วง ในอัตรา ดังนี้

ช่วงที่ 1 จัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.05 (ร้อยละ 0.055 เมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่น) ตั้งแต่วันที่ พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566

ช่วงที่ 2 จัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.1 (ร้อยละ 0.11 เมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่น) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ยังคงการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้แก่

1.ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เฉพาะการขายหลักทรัพย์ที่บุคคลนั้นได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องของหลักทรัพย์นั้น

2.สำนักงานประกันสังคม

3.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

4.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

5.กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน

6.กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ

7.กองทุนการออมแห่งชาติ

8.กองทุนรวมที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมแก่สำนักงานประกันสังคมหรือกองทุนตามข้อ 3 – 7 เท่านั้น

อนึ่ง ในการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะกรณีนี้ กฎหมายได้กำหนดให้สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ (Broker) ที่เป็นตัวแทนของผู้ขายมีหน้าที่หักภาษีธุรกิจเฉพาะจากเงินที่ขายและยื่นแบบแสดงรายการภาษี และชำระภาษีในนามตนเองแทนผู้ขาย โดยผู้ขายไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีก”

การยกเลิกการยกเว้นภาษีดังกล่าวอาจส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกรรมในตลาดหลักทรัพย์ ของไทยสูงขึ้นจากร้อยละ 0.17 เป็นร้อยละ 0.22 แต่ยังอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ โดยต่ำกว่าของมาเลเซีย ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 0.29 และของฮ่องกงซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 0.38 แต่อาจสูงกว่าของสิงคโปร์ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 0.20 เล็กน้อย ทั้งนี้ ในปีแรกของการจัดเก็บภาษีที่มีการลดอัตราภาษีเหลือ ร้อยละ 0.055 ต้นทุนดังกล่าวจะอยู่ที่ร้อยละ 0.195 ซึ่งใกล้เคียงกับของสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีดังกล่าวนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในระยะยาว

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดพิมานมาศ อายุ 2 ปี

ธอส. เปิดจำหน่าย “สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดพิมานมาศ ปี 2568” อายุสลาก 2 ปี ลุ้นรับเงินรางวัลใหญ่ ตลอด 24 งวด

LH Bank ผนึก LH Fund จัดสัมมนาใหญ่ 

LH Bank ผนึก LH Fund จัดสัมมนาใหญ่ เจาะลึกเศรษฐกิจการลงทุนไต้หวัน

บลจ.กสิกรไทย ขานรับ Easy E-Receipt 2.0

บลจ.กสิกรไทย แนะกลยุทธ์จัดพอร์ต Core & Satellite พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 2.0

กฟผ. ชวนสัมผัส 8 เขื่อนทั่วไทย เติมพลังธรรมชาติ

กฟผ. ผนึกกำลัง ททท. ชวนสัมผัส 8 เขื่อนทั่วไทย เติมพลังธรรมชาติ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน