‘ตลาดหลักทรัพย์ฯ’ ผนึก ‘พรินซิเพิล’ ถกสินทรัพย์ดิจิทัลกับการลงทุน

Date:

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ บลจ.พรินซิเพิล จัดสัมมนาออนไลน์ “The Retirement Plan Symposium ครั้งที่ 7 สินทรัพย์ดิจิทัลกับการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ” ชูกลยุทธ์จัดพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทเพื่อการเกษียณอย่างมีคุณภาพ รับมือความผันผวนในระยะยาว ชี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปเจอแรงกดดันจากเงินเฟ้อพุ่ง เสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย มองตลาดหุ้นจีนกลับมาน่าสนใจ จากปัจจัยบวกของการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันการลงทุนเพื่อรองรับการเกษียณในประเทศไทยมีความท้าทายมากขึ้น ทั้งจากปัจจัยสังคมผู้สูงอายุ เศรษฐกิจที่มีความผันผวน ดังนั้นผู้ลงทุนต้องปรับตัวให้ทัน เลือกการลงทุนใหม่มากขึ้น

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนมีการจัดสรรลงในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น แต่ในปัจจุบันมีนวัตกรรมการลงทุนใหม่ ๆ ได้แก่ สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นทางเลือกการลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ แต่ก็ต้องอาศัยการศึกษาและเข้าใจถึงความเสี่ยงการลงทุนด้วยเช่นกัน

นายศุภกร ตุลยธัญ CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในช่วงนี้คงเผชิญกับความผันผวนต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ฯ ที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง 9.1% สุดสุดในรอบ 40 ปี ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนกรกฎาคม และปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% ในการประชุมที่เหลือของปี จนอัตราดอกเบี้ยขยับเป็น 3.5% ภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ระดับ 4.25% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูง

ส่วนกำลังซื้อของประชาชนระดับล่างเริ่มชะลอตัว เช่นเดียวกับกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มอ่อนแอ เป็นสัญญาณเตือนว่าสหรัฐ ฯ มีโอกาสเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ช่วงต้นปีหน้า

ทั้งนี้ ท่ามกลางตลาดที่ผันผวนและมีความเสี่ยงสูง การจัดพอร์ตลงทุนควรมีกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย (Asset Allocation) และการลงทุนต่อเนื่องในระยะยาวนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญกับการลงทุนเพื่อการเกษียณ จากสถิติในอดีตพบว่ายิ่งถือครองสินทรัพย์การลงทุนไว้นานก็ยิ่งช่วยลดโอกาสขาดทุนได้มากขึ้น

ทาง บลจ.พรินซิเพิล จึงได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พรินซิเพิล สมดุลตามอายุ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ที่ตอบโจทย์การจัดสินทรัพย์เพื่อการเกษียณแบบ Asset Allocation ที่มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายสินทรัพย์ โดยมีนโยบายการลงทุน 2 แบบ ได้แก่

1) แบบ Target Date ซึ่งจะปรับพอร์ตที่ปรับความระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงอายุอัตโนมัติ โดยวัยเริ่มทำงาน เน้นลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น วัยกลางคน เน้นหาสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง และวัยใกล้เกษียณ เน้นรักษาเงินต้น

2) แบบ Target Risk เป็นการลงทุนตามระดับความเสี่ยงของผู้ลงทุน ในลักษณะการลงทุนผ่านกองทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท อาทิ ตราสารหนี้, หุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ, REITs ฯลฯ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการจัดสัดส่วนสินทรัพย์การลงทุนด้วยตัวเอง

“การทำ Asset Allocation จำเป็นมากกับการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ พบว่า 10 ปีย้อนหลัง นโยบายลงทุนแบบ Target Date ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับตลาดหุ้นไทยที่ 5% ต่อปี แต่มีความผันผวนน้อยกว่าครึ่งนึง แสดงว่าการกำหนดสัดส่วนสินทรัพย์ในระดับที่เหมาะสมช่วยลดความผันผวนได้ในระยะยาว ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อการเกษียณคิดว่ายังไม่เหมาะเนื่องจากมีความผันผวนและความเสี่ยงสูง เช่น บิตคอยน์ที่มีค่าความผันผวนมากกว่า 60 % เป็นต้น” นายศุภกร กล่าว

นายพิริยะ สัมพันธารักษ์ กรรมการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โฉลกดอทคอม จำกัด กล่าวว่า สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ (Bitcoin หรือสัญลักษณ์ BTC) สามารถลงทุนระยะยาวได้ แต่ไม่เหมาะกับการลงทุนเพื่อการเกษียณ เพราะมีความผันผวนสูงมาก โดยการเก็บเงินเกษียณนั้นมีเป้าหมายเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหลังจากไม่ได้ทำงานประจำ จำเป็นต้องมีการถอนเงินออกมาใช้จ่าย ดังนั้นหากมูลค่าของสินทรัพย์ลดลงมากๆ อาจถูกบังคับให้ขายขาดทุน ซึ่งจะทำให้มีโอกาสสูญเสียเงินที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิต จึงมองว่าบิทคอยน์ (ไม่รวมการลงทุนในสินทรัพย์หรือเหรียญดิจิทัลสกุลอื่น) เหมาะกับการลงทุนระยะยาวเพื่อเป้าหมายในการรักษามูลค่าสินทรัพย์ เพราะบิทคอยน์มีคุณสมบัติที่ถูกออกแบบให้เป็นเงินดิจิทัลแบบไร้ตัวกลาง สามารถทำธุรกรรมโดยไม่ต้องผ่านสถาบันการเงิน ต้านทานเงินเฟ้อและป้องกันการแทรกแซงได้ดี

ดร. นภนวลพรรณ ภวสันต์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเงิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) กล่าวว่า ปัจจุบันตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ แบ่งสินทรัพย์ดิจิทัลเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1) คริปโทเคอร์เรนซี ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน อาทิ บิทคอยน์, สเตเบิ้ลคอยน์ ฯลฯ โดยการออกเสนอขายคริปโทฯ กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจสำนักงาน ก.ล.ต. กำกับดูแลในเรื่องการออกเสนอขาย แต่จะกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

2) โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการระดมทุนและการลงทุนคล้ายหลักทรัพย์ การเสนอขายโทเคนดิจิทัลให้นักลงทุนครั้งแรกนั้น เรียกว่า ICO หรือ Initial Coin Offering ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมเปิดเผย White Paper หรือที่เรียกว่า ไฟลิ่งและหนังสือชี้ชวน และมี ICO Portal ซึ่งเปรียบเสมือนที่ปรึกษาทางการเงิน ทำหน้าที่ตรวจสอบและกลั่นกรองคุณสมบัติของผู้ออกและโครงการที่จะระดมทุน และทำหน้าที่ในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลดังกล่าว โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการตามที่กำหนด แต่จะแตกต่างจากกรณีของหลักทรัพย์ เช่น กรณี IPO หุ้น ผู้ลงทุนมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้น แต่ ICO ผู้ลงทุนจะไม่มีสิทธิในตัวบริษัทผู้ออก โดยจะได้รับผลตอบแทนที่ผูกกับโครงการนั้น ๆ ปัจจุบันมีการพัฒนาการออก ICO จากเดิมที่อาจเป็นเพียงโครงการที่ยังไม่เกิดขึ้น เป็นการนำทรัพย์สินมาเป็นสินทรัพย์อ้างอิง (Asset-backed ICO) เพื่อสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนจากกระแสรายรับที่เกิดจากทรัพย์สินนั้น เช่น Real Estate-backed ICO ซึ่งเป็นโทเคนดิจิทัลที่ระดมเงินเพื่อไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และนำไปปล่อยเช่าสร้างรายได้ และนำผลประโยชน์มาแบ่งปันให้แก่ผู้ลงทุน (คล้าย REITs)

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันความเสี่ยง สำนักงาน ก.ล.ต. จึงกำหนดให้ผู้ลงทุนรายย่อยลงทุนใน ICO ได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อการเสนอขายแต่ละครั้ง

3) โทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ซึ่งเป็นโทเคนดิจิทัลที่กำหนดสิทธิในการแลกสินค้า บริการ หรือสิทธิอื่น ๆ เช่น Digital Voucher, Native Token, Governance Token เป็นต้น

ซึ่งในกรณีที่ผู้ถือยังไม่สามารถใช้สิทธิได้ทันทีหรือเป็นโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จพร้อมใช้งาน จะต้องได้รับอนุญาตให้เสนอขายจากสำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยไฟลิ่งและหนังสือชี้ชวน และเสนอขายผ่าน ICO Portal แต่ถ้าเป็น Utility Token ที่พร้อมใช้งาน ซึ่งผู้ถือสามารถใช้สิทธิได้ทันทีแล้ว จะได้รับยกเว้นไม่ต้องได้รับอนุญาตให้เสนอขายจากสำนักงาน ก.ล.ต.

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ได้รับความเห็นชอบเป็น ICO Portal จากสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว 7 ราย มีการออก ICO แล้ว 2 โครงการ ได้แก่ Real Estate-backed ICO และ ICO ที่เป็นการลงทุนในโปรเจคภาพยนตร์ รวมถึงมี ICO อีกกว่า 10 โครงการที่อยู่ระหว่างการหารือ ส่วนในด้านการเปิดให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ตามกฎเกณฑ์ปัจจุบันยังไม่สามารถลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการทบทวน ซึ่งในอนาคตหากจะเปิดให้ลงทุนได้นั้น จะต้องพิจารณาระดับที่เหมาะสมตามความเสี่ยงของสินทรัพย์ดิจิทัลแต่ละประเภทด้วย

Share post:

spot_img

Related articles

แนะรัฐบาลขึ้นภาษี VAT พาเศรษฐกิจพ้นหายนะ 

อดีต รมว.คลัง แนะรัฐบาลใหม่ขึ้นภาษี VAT เพิ่มรายได้ประเทศแสนล้าน พาเศรษฐกิจพ้นหายนะ

ครม.สืบสันดาน ถูกต้องเหมาะสมแล้ว

“นายเทพไท เสนพงศ์” บอก ครม.สืบสันดาน ถูกต้องเหมาะสมแล้ว

รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง จะรอดข้ามปีมั้ย???

“นายเทพไท เสนพงศ์” ตั้งข้อสังเกต รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง จะรอดข้ามปีมั้ย???

ทีทีบี ออกมาตรการสินเชื่อช่วยเหลือลูกค้าน้ำท่วม

ทีทีบี ออกมาตรการ “ตั้งหลัก” ช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ปรับโครงสร้างหนี้ และขยายเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 6 เดือน

Notice: ob_end_flush(): Failed to send buffer of zlib output compression (0) in /home/ozapeumy/public_html/wp-includes/functions.php on line 5427