นายหัสกร บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ “ไอลีฟ” เปิดเผยว่า แผนการลงทุนของบริษัทในปี 2566 บริษัทจะมีโครงการเปิดใหม่รวม 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโครงการเปิดใหม่และโครงการระหว่างการขายในปีนี้รวมทั้งสิ้น 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 16,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,500 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ที่ 2,500 ล้านบาท เติบโต 25% ทั้ง 5 โครงการใหม่ ประกอบด้วย
• โครงการไอลีฟ พราวด์ พระราม 2 กม.14 พัฒนาเป็นทาวน์โฮม 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท จำนวน 449 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท
• โครงการไอลีฟ ไพร์ม 2 ประชาอุทิศ 90 พัฒนาเป็นทาวน์โฮม 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน ราคาเริ่มต้น 2.05 ล้านบาท จำนวน 255 ยูนิต มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท
• โครงการไอลีฟ พราวด์ วงแหวน-รังสิตคลอง 4 พัฒนาเป็นทาวน์โฮม 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท จำนวน 487 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,060 ล้านบาท
• โครงการไอลีฟ ไพร์ม รามอินทรา-คู้บอน พัฒนาเป็นทาวน์โฮม 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน ยังไม่ได้กำหนดราคาขาย จำนวน 194 ยูนิต มูลค่าโครงการ 560 ล้านบาท
• โครงการไอลีฟ ไพร์ม เศรษฐกิจ-บางปลา พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2-3 คัน ยังไม่ได้กำหนดราคาขาย จำนวน 399 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท
“ในแต่ละปีบริษัทมีแผนจะขยายการลงทุนในทำเลใหม่ๆ เพิ่ม 1-2 โครงการ สำหรับในปี 2566 บริษัทได้ขยายการลงทุนเพิ่มในทำเลรามอินทรา-คู้บอน ซึ่งเป็นทำเลอยู่อาศัยในเขตเมืองที่จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูแคราย-มีนบุรีเปิดให้บริการในปีนี้ โดยจะเปิดโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ไอลีฟ ไพร์ม รามอินทรา-คู้บอน ในซอยคู้บอน 38 เป็นทาวน์โฮมหน้ากว้าง 6.5 เมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน เดินทางสะดวก ใกล้ห้างสรรพสินค้า แจ๊ส วิลเลจ เพียง 500 เมตร มีกำหนดเปิดขายโครงการในเร็วๆ นี้”
นายหัสกร กล่าวอีกว่า นอกจากการพัฒนาโครงการไปในทำเลใหม่ๆ แล้ว บริษัทยังได้ปรับปรุงรูปแบบบ้านให้มีความน่าสนใจด้วยดีไซน์ทันสมัยมากขึ้น พัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานให้ดีขึ้น เช่น ออกแบบห้องนอนและห้องน้ำในห้องนอนที่ใหญ่ขึ้นทำให้สะดวกสบายกว่าเดิมและรับอากาศได้ดีขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ทุกพื้นที่ใช้สอยได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ และที่สำคัญต้องง่ายต่อการบำรุงรักษาในอนาคตด้วย นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง สวนสาธารณะ สำหรับโครงการที่มีขนาดเกินกว่า 200 ยูนิต หรือแม้จะมีน้อยกว่าแต่อยู่ในทำเลที่มีมูลค่าบริษัทก็จะจัดให้มีสโมสร สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ให้บริการกับลูกค้า
ขณะเดียวกัน บริษัทยังให้ความสำคัญกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) โดยการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับทุก Generations เน้นย้ำในเรื่องของการอยู่อาศัยระยะยาว และให้ง่ายต่อการบำรุงรักษาในอนาคต นำหลัก 3R Reuse Reduce Recycle มาใช้กับทุกโครงการ และเรื่องของความเท่าเทียมทางการอยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นผู้พิการหรือผู้สูงอายุ ให้สามารถอยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยในโครงการภายใต้แบรนด์ “ไอลีฟ”
