Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the google-analytics-for-wordpress domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /home/jaihin/domains/jaihindnews2.com/public_html/wp-includes/functions.php on line 6121

Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the td-cloud-library domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. โปรดดู การแก้ข้อผิดพลาดใน WordPress สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม (ข้อความนี้ถูกเพิ่มมาในรุ่น 6.7.0.) in /home/jaihin/domains/jaihindnews2.com/public_html/wp-includes/functions.php on line 6121
“นักท่องเที่ยวซ้ำ” จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว - jaihindnews2

“นักท่องเที่ยวซ้ำ” จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว

Date:

การท่องเที่ยวของประเทศไทยจะถูกกระตุ้นโดย “นักท่องเที่ยวซ้ำ” โดยมากกว่าหนึ่งในสี่ (28%) ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยในช่วงปี 2566 บอกว่าพวกเขาตั้งใจจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้งภายใน 12 เดือนข้างหน้า อ้างอิงจากผลสำรวจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลก ฉบับล่าสุดประจำปี 2566 ของวีซ่า (Visa Global Travel Intentions Study 2023) ซึ่งเป็นผลสำรวจที่ทำการศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและแผนการเดินทางของผู้บริโภคที่ใหญ่และจัดทำมายาวนานที่สุดโดยวีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก พบว่า นักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งในช่วง 12 เดือนต่อจากนี้ คือนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย (42%) สิงคโปร์ (41%) ฟิลิปปินส์ (28%) สาธารณรัฐประชาชนจีน (25%) และเวียดนาม (22%)

แรงจูงใจอันดับต้น ๆ สำหรับการท่องเที่ยวในปีหน้า คือ การผ่อนคลาย ชอปปิง เปิดประสบการณ์ การผจญภัย และการพบปะครอบครัวและเพื่อนฝูง โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมสามอันดับแรกที่นักท่องเที่ยวในภูมิภาคตั้งใจจะไปเยือนมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา ขณะที่หัวหิน เชียงใหม่ และกระบี่ เป็นเมืองยอดนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ตามลำดับ

นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีบทบาทสำคัญอย่างมากที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เราหวังว่าข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้พันธมิตรของเราสามารถยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยวพร้อม ๆ ไปกับการส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความพยายามร่วมกันของเรามีจุดหมายเดียวกันเพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและขับเคลื่อนให้ภาพรวมของระบบนิเวศการชำระเงินดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกด้วย”

นอกจากนี้ จากผลการสำรวจในการศึกษาพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมิลเลนเนียล (51%) ตามด้วยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายสูง (27%) ครอบครัวที่เดินทางกับเด็กเล็ก (18%) คนโสดวัยหนุ่มสาว (16%) เจน Z (15%) ครอบครัวที่เดินทางกับเด็กโต (14%) และกลุ่มวัยเกษียณ (11%) ตามลำดับ

หากมองลึกลงไปเกี่ยวกับระยะเวลาการท่องเที่ยวจะพบว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มวัยเกษียณพำนักอยู่ในประเทศไทยนานที่สุดโดยเฉลี่ยมากถึง 12 คืน เมื่อเทียบกับจำนวนคืนโดยเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวในภาพรวมจะอยู่ที่ 8 คืน และเมื่อแยกตามเชื้อชาติ พบว่านักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์จะใช้เวลาพำนักนานที่สุดที่ 7 คืน ตามมาด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีน และชาวเวียดนาม ซึ่งใช้เวลาพำนักในประเทศไทยที่ 5 คืน และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและชาวฟิลิปปินส์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4 คืน

โดยระหว่างท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้น เกือบครึ่งของนักท่องเที่ยว (48%) ใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านบัตรแทนเงินสด โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายสูง และครอบครัวที่เดินทางกับเด็ก เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่ใช้บัตรแทนเงินสดในการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ชอปปิง (39%) รับประทานอาหาร (33%) และกิจกรรมต่าง ๆ (33%) โดยนักท่องเที่ยวเลือกใช้จ่ายผ่านบัตรแทนเงินสดมากที่สุดในช่วงวางแผนก่อนการเดินทางเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในรายการหลัก ๆ อาทิ ค่าที่พัก (81%) และค่าเดินทาง (69%) เป็นต้น

ในส่วนของการเลือกที่พักนั้น มากกว่าแปดในสิบ (83%) เลือกพักในโรงแรม โดยสิ่งสำคัญห้าอันดับแรกที่มีผลต่อการเลือกที่พัก คือ ความปลอดภัย (76%) ความสะอาด (63%) ตำแหน่งที่ตั้ง (54%) ความคุ้มค่า (52%) และสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพัก (41%)

เมื่อพิจารณาตามเชื้อชาติของนักท่องเที่ยว ผลวิจัยชี้ให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูงที่สุด (95,000 บาท) ตามมาด้วยสิงคโปร์ (58,000 บาท) ฟิลิปปินส์ (48,000 บาท) เวียดนาม (38,000 บาท) และมาเลเซีย (34,000 บาท) อย่างไรก็ตามยอดใช้จ่ายทั้งหมดจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาของการเดินทาง โดยผู้ที่ใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยตั้งแต่แปดวันขึ้นไปมีโอกาสจะใช้จ่ายมากกว่า 135,000 บาท ขณะที่นักท่องเที่ยวที่พักอยู่ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ (4-7 วัน) ใช้จ่ายอยู่ที่ราวๆ 65,000 บาท และนักท่องเที่ยวระยะสั้น (ไม่เกินสามคืน) ใช้จ่ายที่ราวๆ 40,000 บาทในระหว่างการท่องเที่ยว

“เป็นเวลากว่าทศวรรษที่การศึกษาได้ช่วยให้วีซ่าและพันธมิตรของเรามีข้อมูลเชิงลึกที่ให้แง่มุมที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับภูมิทัศน์ด้านการท่องเที่ยวและพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการสามารถจ่ายและรับชำระเงินได้อย่างไร้รอยต่อและมีประสิทธิภาพสูงสุด วีซ่า ในฐานะหนึ่งในสมาชิกที่สำคัญของชุมชนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เรายินดีที่ได้แบ่งปันข้อมูลอันเป็นประโยชน์เพื่อช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเสริมสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำให้แก่ผู้บริโภคเมื่อพวกเขาออกเดินทางและใช้จ่ายผ่านวีซ่า” นายปุณณมาศ กล่าวเสริม

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

บล.เกียรตินาคินภัทร คว้า 2 รางวัลใหญ่

บล.เกียรตินาคินภัทร คว้า 2 รางวัลใหญ่ ด้านการบริหารพอร์ตและการลงทุนทางเลือกในประเทศไทยจาก Euromoney Private Banking Awards 2025

ทีทีบี ชวนคนผ่อนบ้านดี รีไฟแนนซ์ครั้งสุดท้าย

ทีทีบี ชวนคนผ่อนบ้านดี รีไฟแนนซ์ครั้งสุดท้าย  เปลี่ยนความเชื่อ อยากปิดหนี้เร็ว “ไม่ต้องรีไฟแนนซ์ทุก 3 ปี” อีกต่อไป!

ธนาคารกรุงเทพ กำไร 12,618 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพ รายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2568 จำนวน 12,618 ล้านบาท

สหรัฐให้นัด “พิชัย” เจรจาภาษีแล้ว 23 เม.ย.นี้

อิ๊งค์ บอกข่าวดี สหรัฐให้นัด “พิชัย” เจรจาภาษีแล้ว 23 เม.ย.นี้ มั่นใจไทยมีจุดแข็งคุยเยอะ ยึดแนวทางเจรจาวิน-วิน ทั้งสองฝ่าย