ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า เมื่อวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 กรมสรรพากร ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้เข้าตรวจค้นสถานที่ออก ใบกำกับภาษีปลอม จำนวน 5 แห่ง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยยึดเอกสารและจับกุมผู้ทำผิด
ที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้สืบสวน พบมีการนำ ใบกำกับภาษีปลอม ที่ออกโดยไม่ใช่ผู้ขายสินค้าตัวจริง จึงประสานกับ บก. ปอศ. ดำเนินการล่อซื้อ ใบกำกับภาษีปลอม มีมูลค่าความเสียหายกว่าร้อยล้านบาท
สำหรับผู้กระทำผิด มีโทษทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยโทษทางแพ่ง ต้องรับผิดเบี้ยปรับ 2 เท่าของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษีพร้อมทั้งเงินเพิ่มตามกฎหมายอีก 1.5% ต่อเดือน และโทษทางอาญา จำคุก 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ผู้ที่นำใบกำกับภาษีไปใช้ ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้ามไม่มีสิทธินำมาใช้เป็นเครดิตต้องรับผิดทางแพ่ง และมีโทษทางอาญาในฐานความผิดใช้ใบกำกับภาษีปลอม เช่นกัน
พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า สายลับเจรจาล่อซื้อใบกำกับภาษี จากกลุ่มบุคคลดังกล่าว จำนวน 5 ครั้ง โดยมีการออกใบกำกับภาษี โดยไม่มีสิทธิที่จะออกจำนวน 30 ใบ เป็นการทำลายระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชน จึงได้รีบดำเนินการโดยเร่งรัด
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า แนะนำให้ผู้ประกอบกิจการเข้าสู่ระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice & e-Receipt) เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกปลอมแปลงใบกำกับภาษี ลดความซ้ำซ้อน ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย เพิ่มความน่าเชื่อถือ