ราคาน้ำมันดิบ ตลาดโลกเดือน เม.ย. 67 เพิ่มขึ้นกว่า 22%

Date:

นายวีรพัฒน์  เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 22 หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งสวนทางจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 1.8 ล้านบาร์เรล หลังโรงกลั่นในประเทศกลับมาดำเนินการจากการปิดซ่อมบ้ารุงในช่วงก่อนหน้านี้ อีกทั้ง ความกังวลด้านอุปทาน เนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด รวมไปถึงเศรษฐกิจยุโรปขยายตัวสูงสุดในรอบ 12 เดือน จากตัวเลขดัชนี PMI ยุโรปของเดือนมีนาคม 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.4 นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรปตะวันออกยังเป็นอีกปัจจัยที่มีส่วนสนับสนุนให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น

นายวีรพัฒน์  กล่าวว่า อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่น่าจับตามองในด้านต่าง ๆ อาทิ สถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลางระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความตึงเครียดมากขึ้น โดยยูเครนยังคงเดินหน้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซีย และล่าสุดได้มีการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันดิบแห่งหนึ่งในเมืองเนซนีกัมสก์ ซึ่งมีระยะห่างจากพรมแดนกว่า 1,500 กิโลเมตร โดยการโจมตีดังกล่าวถือเป็นการโจมตีที่ห่างจากพรมแดนมากที่สุดนับตั้งแต่ความขัดแย้งดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อีกทั้งตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ภายหลังสำนักสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตในเดือนมีนาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 50.8 สูงขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้า ที่ระดับ 49.1 โดยตัวเลขที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยตัวเลขดังกล่าวถือเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน 

นายวีรพัฒน์  กล่าวเพิ่มว่า สำหรับภาพรวมราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลในอาเซียนในเดือนเมษายน 2567 พบว่า ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเกือบทุกประเทศ ยกเว้นประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่ปรับตัวลดลง  ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลของประเทศไทยและต่างประเทศ ณ วันที่ 29 เมษายน 2567 พบว่า ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน ประเทศสิงคโปร์มีระดับสูงสุดในกลุ่มอาเซียน อยู่ที่ระดับ 80.82 บาทต่อลิตร ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 6 ของกลุ่มอาเซียน อยู่ที่ระดับ 40.35 บาทต่อลิตร ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลนั้น ประเทศสิงคโปร์ มีระดับสูงสุดในกลุ่มอาเซียน อยู่ที่ระดับ 73.47 บาทต่อลิตร ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 7 ของกลุ่มอาเซียน อยู่ที่ระดับ 30.94 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตาม ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้าง มาตรการด้านภาษี และนโยบายการชดเชยราคาน้ำมันของประเทศนั้น อย่างไรก็ตาม สนพ. จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อสามารถดำเนินการบรรเทาผลกระทบด้านราคาพลังงานต่อประชาชนในระยะต่อไป

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

Krungthai CIO แนะสะสมหุ้นสหรัฐ รับอานิสงส์นโยบายทรัมป์

Krungthai CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่ง รับอานิสงส์นโยบายทรัมป์ แนะสะสมหุ้นการเงิน พลังงาน และหุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ

กรุงเทพประกันภัย ยึดมั่นความเป็นองค์กรโปร่งใส

กรุงเทพประกันภัย ยึดมั่นความเป็นองค์กรโปร่งใส รับประกาศนียบัตรรับรองจาก CAC

Trump 2.0 : ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC วิเคราะห์ Trump 2.0 : ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย

กลุ่มธนาคารยูโอบี กำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11

กลุ่มธนาคารยูโอบี รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11  เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 1.6  พันล้านเหรียญสิงคโปร์