ทิสโก้ คาด GDP ปี 2567 โต 2.8%   

Date:

นายเมธัส รัตนซ้อน นักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) (Mr. Methas Rattanasorn Economist, TISCO Economic Strategy Unit ) เปิดเผยมุมมองเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 ว่า  เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีจะฟื้นตัวและหนุนให้ GDP ปี 2567 เติบโต 2.8% หลังปัจจัยกดดันเชิงวัฎจักรได้คลี่คลายลงไป ทั้งการล่าช้าของงบประมาณภาครัฐฯ และการชะลอตัวของอุปสงค์โลกที่ทำให้ภาวะการส่งออกสินค้าหดตัวในปีที่ผ่านมา ขณะที่แรงส่งจากภาคบริการ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวยังคงคาดว่าจะมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนและรายจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะอยู่ที่ 36 ล้านคน และ 1.6 ล้านล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาและจะมีส่วนช่วยให้การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับภาวะปกติในช่วงก่อนที่โควิด-19 จะระบาด อีกทั้งจะยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยต่อไปแม้ว่าจะชะลอลงจากปีที่ผ่านมาก็ตาม  

ด้านการลงทุนภาคเอกชนศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่าจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปีก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ยังช้าและมีความเสี่ยงจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง อีกทั้งอัตราการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมในประเทศที่ยังเหลืออยู่อีกมาก

ขณะที่ภาพของอัตราเงินเฟ้อเริ่มมีทิศทางเร่งตัวขึ้นจากช่วงก่อน แม้จะแผ่วลงไปบ้างในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ดีขึ้นกว่าช่วงก่อนที่หดตัวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2566 โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้คาดว่าแนวโน้มในระยะข้างหน้า อัตราเงินเฟ้อจะเป็นบวกต่อเนื่อง และทยอยเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 

นายเมธัส กล่าวอีกว่า สำหรับมุมมองนโยบายการเงิน คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทรงตัวที่ระดับ 2.50% ในปีนี้ จากเดิมที่มองว่าจะลดได้ 1 ครั้งในช่วงปลายปี เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะปรับดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อกำลังเร่งตัว และปัจจัยกดดันเชิงวัฎจักรได้คลี่คลายลงไปมากแล้ว อีกทั้ง กนง. ก็เน้นย้ำค่อนข้างหนักแน่นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันเป็นระดับที่เหมาะสม เป็นกลาง และไม่ขัดขวางการขยายตัวกลับสู่ระดับศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า รวมถึงยังช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน และความเสี่ยงในด้านต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม  

ด้านความเสี่ยงหลักที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ผลการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐฯ ที่เร่งขึ้นนั้นจะมีเม็ดเงินลงไปสู่ภาคเศรษฐกิจจริง และช่วยพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่การท่องเที่ยวเป็นช่วง Low Season ได้อย่างเพียงพอหรือไม่ ขณะเดียวกัน ภาระหนี้สินของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น จะกดดันการบริโภคของครัวเรือนไทยมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงการเร่งตัวขึ้นของหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (SML) ว่าจะเปลี่ยนไปเป็น NPL ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมากจนน่าเป็นห่วงหรือไม่ โดยเฉพาะสินเชื่อในกลุ่มรถยนต์ บัตรเครดิต และอสังหาริมทรัพย์ระดับกลาง-ล่าง  

นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าของไทยในระยะข้างหน้า คาดว่าจะได้รับอานิสงค์จาการค้าโลกที่ฟื้นตัวในระดับที่น้อยลงเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต โดยสาเหตุหลักทางศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่าเกิดจากปัจจัยเชิงโครงสร้างของสินค้าส่งออก ซึ่งสินค้าส่งออกหลักของไทยหลายหมวดที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้น กลับเป็นสินค้าที่โลกมีความต้องการลดลง เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (เครื่องยนต์สันดาป) รถกระบะ ชิ้นส่วนยานยนต์ และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) เป็นต้น ขณะที่สินค้าไทยกลับมีศักยภาพในการแข่งขันลดลง ในกลุ่มสินค้าที่โลกมีความต้องการสูงขึ้น อาทิ แผงวงจรไฟฟ้า สารกึ่งตัวนำ (Semi-conductor) และ SSD (อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีความทันสมัยกว่า HDD) เป็นต้น นอกจากนี้ ในกลุ่มสินค้าเกษตรหลักของเราอย่าง ข้าว และยางพารา ความสามารถในการแข่งขันก็ลดลงอย่างน่าใจหาย ทำให้เราสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของแรงงานในภาคเกษตรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ซึ่งทางศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่าปัจจัยข้างต้นเป็นหนึ่งในหลายความเสี่ยงที่สำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจต่างๆ ขาดการลงทุนเพื่อพัฒนาให้ทันสมัย และมองเป็นโจทย์ใหญ่ที่ภาครัฐฯ จำเป็นจะต้องมีแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยการพลิกฟื้นศักยภาพในด้านการผลิต ควบคู่ไปกับการส่งเสริมในภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Toursim & Wellness) เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมามีศักยภาพการเติบโตที่สูงขึ้นได้อีกครั้ง 

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

SCB เพิ่มบริการโอนเงินต่างประเทศ

SCB ผนึกกำลัง Thunes เพิ่มเส้นทางบริการโอนเงินต่างประเทศผ่านแอป SCB EASY โอนไวกว่า 26 ประเทศ 17 สกุลเงิน ปลายทางได้รับเงินเต็มจำนวน 

บลจ.เอ็มเอฟซี มอง “ตลาดหุ้นเกิดใหม่” น่าสนใจ

บลจ.เอ็มเอฟซี ส่อง "ตลาดหุ้นเกิดใหม่" น่าสนใจมากขึ้น รับสัญญาณ Fund Flow ไหลเข้าหลัง Fed เริ่มปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรก 

ทีทีบี สนับสนุนผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก

ทีทีบี สนับสนุนผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก เตรียมพร้อมรับมือกับเศรษฐกิจ การค้าโลกและค่าเงินผันผวนในปีหน้า โดยเฉพาะตลาดในเอเชีย

ธอส. พักชำระหนี้ 3 เดือน ให้ลูกหนี้น้ำท่วม

ธอส. ช่วยประชาชนเจอน้ำท่วม พักชำระหนี้นาน 3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก