นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ งวดไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทฯ มียอดขายรวมอยู่ที่ 1,395.68 ล้านบาท โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 258.52 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.7% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1,137.16 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการของลูกค้ายังคงมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดขายในทวีปอเมริกาเหนือ ยังคงเติบโตจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากผลของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ทำให้ไทยได้เปรียบจีน
นอกจากนี้ ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มมากเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ทำให้มีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบ ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลให้บริษัทซึ่งมียอดขายต่างประเทศกว่า 90% ได้ประโยชน์ในฐานะผู้ส่งออก ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 241.64 ล้านบาท 67.57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 174.07 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้น อัตราการทำกำไรดีขึ้นและรายได้อื่นเพิ่มขึ้น สุทธิกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น
“ผลประกอบการที่ออกมาในไตรมาส 2/2565 เป็นที่น่าประทับใจทั้งรายได้และกำไร โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 394.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.3% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นจาก 26.4% เป็น 28.3% เป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงประมาณ 9% ทำให้บริษัทได้ประโยชน์ในฐานะผู้ส่งออก” นายสุรศักดิ์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ มียอดขายรวมอยู่ที่ 2,930.07 ล้านบาท โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 889.54 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43.59% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 2,040.53 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 531.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 242.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 84.03% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 288.64 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุน SMPC ด้วยดีเสมอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้น 0.60 บาทต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล (Record date) วันที่ 24 สิงหาคม 2565 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 9 กันยายน 2565
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง คาดจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากยอดขายที่เติบโตได้ดี อีกทั้งค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์จากส่วนนี้ แต่ในด้านต้นทุนแม้ว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็สามารถบริหารจัดการได้ และบริษัทยังเดินหน้าในการกระจายความเสี่ยงธุรกิจ เพราะต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกก็ต้องมีความกังวล แต่ถ้าสามารถกระจายความเสี่ยงขายสินค้าที่หลากหลาย ก็เชื่อว่าการเติบโตยังมีต่อเนื่อง เพราะดีมานด์ถังแก๊สยังมีความต้องการอยู่
อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทคาดยอดขายจะเติบโต 10-15% ตั้งเป้าขายถังแก๊สไว้ที่ 8 ล้านใบ จากปีก่อนที่ 6.9 ล้านใบ โดยการเติบโตจะมาจากทั้งถังขนาดใหญ่และถังขนาดเล็ก รวมไปถึงการขยายการผลิตไปรับงานที่เป็นส่วนของถังขนาดใหญ่และถังประเภทอื่น เช่น ถัง Refrigerant เป็นต้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่จะกระจายความเสี่ยง รวมถึงการรักษาระดับมาร์จิ้นของบริษัทให้ดีขึ้นได้