นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่าผลประกอบการของบริษัทฯและบริษัทย่อย ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 625.37 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,596.18 ล้านบาท หรือ 164.42% เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 970.81 ล้านบาท
โดยมีรายได้จากการขาย จากการขนส่ง และการให้บริการ 44,177.71 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 45,153.35 ล้านบาท ลดลง 975.64 ล้านบาท หรือ 2.16% รายได้โดยรวมที่ลดลงมีสาเหตุหลักจากปริมาณขายที่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ราคาเฉลี่ยโดยรวมสำหรับ 6 เดือนของปี 2567 และงวดเดียวกันของปี 2566 ราคาก๊าซ LPG ราคาก๊าซเฉลี่ยเท่ากันที่ 611 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน
ขณะที่ผลประกอบการในงวดไตรมาส 2 ปี 2567 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขาย จากการขนส่ง และการให้บริการ 20,917.02 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2566 ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 20,495.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 421.34 ล้านบาท หรือ 2.06% รายได้โดยรวมที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) โดยรวมสูงกว่าปีก่อน ราคาก๊าซ LPG โดยเฉลี่ยไตรมาส 2 ปี 2567 อยู่ที่ 591 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ขณะที่ในงวดเดียวกันของปีก่อน ราคาก๊าซเฉลี่ยเท่ากับ 517 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน โดยมีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 10.36 ล้านบาท ลดลงมากถึง 1,244.21 ล้านบาท หรือ 99.17% เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 ที่มีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 1,254.57 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นและตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด สำหรับผลการดำเนินงานงวด 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 23 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 กันยายน 2567
“ปีนี้บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายก๊าซ LPG 4 ล้านตัน หนุนรายได้โต 11-12% เชื่อว่าผลประกอบการทั้งปีจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าผลประกอบการมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ อย่างไรก็ดี บริษัทได้เร่งทำยอดขายในประเทศจีน และคาดว่าตลาดเวียดนาม มีแนวโน้มดีขึ้น นอกจากนี้ ได้มีการเปิดตลาดใหม่ๆ เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ และบังคลาเทศ เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการขยายคลังก๊าซ LPG ที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย และเวียดนาม” นางจินตณา กล่าว
ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของ SGP มาจากการจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศร้อยละ 75 และร้อยละ 25 เป็นจำหน่ายก๊าซ LPG ในประเทศไทย โดยบริษัทมีแผนในการขยายตลาดก๊าซใหม่ๆ ในแถบเอเชียใต้เพิ่มเติม เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นด้วย นอกจากนี้ บริษัทมีวางงบลงทุนราว 500 ล้านบาท เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงานเพิ่มเติม แบ่งเป็นการลงทุนภายในประเทศในส่วนของคลังก๊าซและโรงอัดบรรจุก๊าซแอลพีจี 170 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 330 ล้านบาท ใช้ก่อสร้างคลังก๊าซ LPG ที่ เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย รองรับดีมานด์ทั้งในและต่างประเทศ ที่เติบโตต่อเนื่อง
