บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อุปกรณ์ตกแต่งทรงผม อุปกรณ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เครื่องครัว แบรนด์ดัง อาทิ SNAILWHITE, NAMU LIFE PLUS, OXE’CURE, SPARKLE, LESASHA, JASON, EMJOI, BEAR และ @HOME ได้รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2565 ด้วยยอดขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนร้อยละ 47 สวนทางกับต้นทุนที่ลดลงในอัตราส่วน 6 point พร้อมรุกตลาดต่างประเทศ โดยมั่นใจตลาดฟิลิปปินส์ดันรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้า
นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD กล่าวรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2565 ว่า “ภาพรวมปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตร้อยละ 30 โดยผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาของบริษัท มีรายได้จากการขาย 406 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีรายได้จากการขาย 277 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 2 ปี 2565 รายได้จากการขายต่างประเทศมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 39 ของรายได้จากการขายทั้งหมด หรือคิดเป็นมูลค่า 158 ล้านบาท โดยจากรายได้หลักจากการขายต่างประเทศมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 124 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า โดยเชื่อมั่นว่าตลาดฟิลิปปินส์จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบในช่วงครึ่งปีหลัง
ในขณะที่ต้นทุนสินค้าและบริการสำหรับไตรมาส 2 ปี 2565 มีมูลค่า 140 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 35 ของรายได้จากการขาย โดยลดลงร้อยละ 6 point เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีต้นทุนสินค้าและบริการ 113 ล้านบาท หรือร้อยละ 41ของรายได้จากการขาย จากผลสืบเนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น การรักษาประสิทธิภาพในการลดต้นทุนการผลิต รวมไปถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับไตรมาส 2 ปี 2565 มีมูลค่า 229 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 56 ของรายได้จากการขาย โดยลดลงร้อยละ 12 point เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 190 ล้านบาท หรือร้อยละ 69 ของรายได้จากการขาย โดยสอดคล้องกับแผน Synergy Roadmap ภายในกลุ่มบริษัทเพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานภายในกลุ่มของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
จากปัจจัยด้านต้นทุนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นบวก (Operating Performance Turnaround) และมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ร้อยละ 9 โดยเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 18 point ที่มูลค่า 37 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานร้อยละ -9”
นางสาวนันทวรรณ กล่าวว่า ทางบริษัทฯได้มีการประกาศปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทย่อย โดย DDD จะเข้าถือหุ้นโดยตรงใน บริษัท ดู เดย์ ดรีม ฟิลิปปินส์ คอร์ปอเรชั่น (DDDPH) ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัท จำนวน 33.66 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียน โดยเข้าซื้อในราคาหุ้นละ 1 เปโซฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นมูลค่าที่ตราไว้ (ราคาทุน) รวมมูลค่า 33.66 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ จาก บริษัท ดู เดย์ ดรีม โฮลดิ้ง จำกัด (DDDH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมที่บริษัทถือหุ้นอยู่ร้อยละ 99.99 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้ DDDPH มีสถานะเป็นบริษัทย่อยทางตรงของบริษัท โดยหลังจากการทำรายการดังกล่าวบริษัทยังคงมีสัดส่วนการถือหุ้นใน DDDPH ที่ร้อยละ 51 เช่นเดิม และดำเนินการลดทุนจดทะเบียนของ DDDH จากเดิม 2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งเป็นหุ้นสามัญ 2 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ ด้วยการลดจำนวนหุ้นสามัญลง 1.7 ล้านหุ้น คงเหลือหุ้นสามัญ 0.3 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ คงเเหลือทุนจดทะเบียน 0.3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยบริษัทยังคงสัดส่วนการถือหุ้นใน DDDH ร้อยละ 99.99 เช่นเดิม การปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทย่อยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการภายในและเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท