
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า
ครม.อิ๊งค์1 หรือจะเรียกว่า
ครม.ทักษิณ3 หรือ ครม.ประยุทธ์3 ก็น่าจะได้
หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ชุดอิ๊งค์1 ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อได้เห็นหน้าของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนหน้าเดิม หรือไม่ก็สืบทอดตำแหน่งทางดีเอ็นเอในฐานะผู้สืบสันดานของนักการเมืองในอดีตตั้งแต่รุ่นพ่อจนมาถึงรุ่นลูก
จึงได้เห็นภาพคณะรัฐมนตรีชุดนี้ มีรัฐมนตรีนอมินีปรากฏให้เห็นหลายคู่ แต่โดยภาพรวมแล้วหน้าตาคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ล้วนแต่เป็นการบุคคล ที่เคยเป็นรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลระบอบทักษิณ นับตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ1 และรัฐบาลทักษิณ2 จนถึงรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี 4 คน คือ นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน กับคณะรัฐมนตรีในระบอบ คสช. คือรัฐบาลประยุทธ์1 และรัฐบาลประยุทธ์2
ถ้าจะแยกแยะคณะรัฐมนตรีชุดนี้ว่า อยู่ในระบอบใดกันแน่ ระหว่างระบอบทักษิณกับระบอบคสช. สามารถพอจะอนุมานได้ว่า เป็นได้ทั้ง2ระบอบ คือรัฐบาลคชุดอุ๊งอิ๊ง1 เหมือนกับรัฐบาลทักษิณ3 หรือรัฐบาลประยุทธ์3ก็ว่าได้ เพราะหน้าตาของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ คือคนกลุ่มเดียวกันระหว่างคณะรัฐมนตรีในระบอบทักษิณ กับรัฐมนตรีในระบอบ คสช.
ผลการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 สามารถทำให้การเมืองสลายขั้วได้อย่างเป็นจริงที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อความสมานฉันท์ และสร้างความปรองดองก็ได้ เพราะระดับแกนนำของฝ่ายการเมืองที่อยู่ในพรรคการเมือง ได้จับมือกันร่วมจัดตั้งรัฐบาล สลายขั้วสำเร็จเรียบร้อยแล้ว มีรัฐมนตรีที่มาจากระบอบทักษิณ กลุ่มนปช. คนเสื้อแดง และรัฐมนตรีที่มาจากระบอบ คสช. ทั้งกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ จากพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้าร่วมรัฐบาลลูกสาวของนายทักษิณกันอย่างหน้าชื่นตาบาน
การยกเหตุผลเป็นข้ออ้างอย่างสวยหรู คือประเทศชาติต้องมาก่อน ก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อความปรองดองของคนในชาติ ซึ่งเป็นความรู้สึกหรือสิ่งสมมุติของระดับแกนนำของขั้วการเมืองทั้ง2ฝ่าย แต่สำหรับประชาชนคนรากหญ้า ซึ่งเป็นมวลชนของขั้วการเมืองทั้ง2ฝ่าย จะจับมือปรองดองสมานฉันท์กันได้หรือไม่ ก็ไม่เป็นไร ช่างหัวมัน !!!