คลังยันเครดิตไทยยังอยู่ที่ระดับ “น่าลงทุน” 

Date:

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและการเงินภาคเอกชนแห่งหนึ่งได้เผยแพร่บทวิเคราะห์เกี่ยวกับการคาดการณ์แนวโน้ม ปัจจัย ความเสี่ยงต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในอนาคต ซึ่งอาจนำไปสู่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง และสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอชี้แจงและยืนยันว่า ยังไม่มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ อีกทั้งพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศมีความแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ

โดยข้อเท็จจริง “จากการเผยแพร่รายงานการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศที่จัดทำโดย บริษัท S&P Global (S&P) และบริษัท Moody’s Investors Service (Moody’s) ที่มีการเผยแพร่รายงานเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566  และวันที่ 11 เมษายน 2567  ตามลำดับ ซึ่งเป็นรายงานบทวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความเป็นปัจจุบันมากกว่าที่ศูนย์วิจัยฯ ภาคเอกชนดังกล่าวนำมาอ้างอิง โดยได้ระบุถึงแนวโน้มความน่าเชื่อถือของประเทศยังมีความแข็งแกร่ง พร้อมทั้งคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยไว้ที่ระดับน่าลงทุน (Investment Grade) คือ ระดับ BBB+ หรือ Baa1 และคงมุมมองความน่าเชื่อถือ (Outlook) ของประเทศไทยที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)”

ที่ผ่านมาศูนย์วิจัยฯ ภาคเอกชนได้เผยแพร่บทวิเคราะห์และนำเสนอประเด็น “ไทยเสี่ยงถูกลดเครดิตเรตติง” โดยอ้างอิงข้อมูลจากรายงานการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท Fitch Ratings เป็นการวิเคราะห์บนพื้นฐานข้อมูลในรายงานของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเพียงรายเดียว โดยที่ไม่มีการนำข้อมูลจากทั้งจาก S&P  และ Moody’s มาพิจารณาประกอบการจัดทำบทวิเคราะห์ด้วย ซึ่งทาง สบน. ได้มีหนังสือแจ้งหน่วยงานกำกับดูแลและศูนย์วิจัยฯ ดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ภายหลังพบว่าได้แก้ไขปรับเปลี่ยนหัวเรื่องบทวิเคราะห์จาก “ไทยเสี่ยงถูกลดเครดิตเรตติง จาก BBB+ หรือไม่” เป็น “ปัจจัยท้าทายความเสี่ยงเครดิตเรตติงไทย” เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 พร้อมกับได้เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ของศูนย์วิจัยฯ แล้ว

อนึ่ง กระทรวงการคลังโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีดำริให้ สบน. ติดตามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจและการบริหารหนี้สาธารณะ โดยเฉพาะการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่น สร้างความเข้าใจผิดและความสับสนต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่กำลังฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

SME D Bank ช่ปรับดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25%

SME D Bank ช่วยผู้ประกอบการลดภาระ ปรับดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25% มีผล 1 พ.ย. 67 ควบคู่เสิร์ฟสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนยกระดับสู่ธุรกิจ

ธนาคารกรุงไทย ลดดอกเบี้ยเงินกู้ MOR MLR และ MRR 

ธนาคารกรุงไทย ขานรับมาตรการภาครัฐ ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR MLR และ MRR พร้อมต่ออายุมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี กำไร 9 เดือน ปี 2567 จำนวน 1,890.2 ล้านบาท  

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประกาศกำไรสุทธิ งวด 9 เดือน ปี 2567 จำนวน 1,890.2 ล้านบาท

ธนาคารกสิกรไทย 9 เดือนปี 2567 กำไร 38,104 ล้านบาท

ธนาคารกสิกรไทยแจ้งผลประกอบการ 9 เดือนปี 2567 กำไร 38,104 ล้านบาท