ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่เข้าประชุม 420 คน ได้มีมติเห็นชอบ พ.ร.ก. เก็บภาษีธุรกิจข้ามชาติเพิ่มเติม เห็นชอบ 415 เสียง ไม่มีผู้ใดไม่เห็นชอบ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะผู้เสนอออก พ.ร.ก. กล่าวชี้แจงสภาฯ ว่า พ.ร.ก.เก็บภาษีธุรกิจข้ามชาติเพิ่มเติม มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 ซึ่งจะช่วยลดการกัดกร่อนฐานภาษีระหว่างประเทศ โดยประเทศสมาชิกองค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) รวมถึงไทยที่เป็นสมาชิกต้องเก็บภาษีนิติบุคคลข้ามชาติ (Multinational Enterprises (MNEs)) ขนาดใหญ่ที่มีรายได้ไม่น้อยกว่า 750 ล้านยูโร ในอัตราไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่งจะทำให้เก็บภาษีเพิ่มปีละ 1.2 หมื่นล้านบาท
นายจุลพันธ์ กล่าวยอมรับว่า พ.ร.ก.เก็บภาษีธุรกิจข้ามชาติเพิ่มเติม กระทบกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่เว้นการเก็บภาษีนิติบุคคลภาษีให้นักลงทุนต่างชาติเป็นเวลาประมาณ 8 ปี ซึ่งหลังจากนี้ทำไม่ได้ ต้องเสียขั้นต่ำ 15% ตามกฎหมายใหม่ โดยรัฐบาลอยู่ระหว่างการหารือกับบีโอไอเป็นการเร่งด่วน เพื่อออกมาตรการชดเชยที่ไม่ใช่ภาษีให้กับนักลงทุน เพื่อให้เกิดความมั่นใจลงทุนในไทยต่อไป
น.ส.ศิริกัญญา ตันติสกุล ส.ส. พรรคประชาชน อภิปรายว่า เห็นด้วยกับการออก พ.ร.ก.เก็บภาษีธุรกิจข้ามชาติเพิ่มเติม เพราะทำให้ประเทศต่างๆ ในโลกไม่ต้องแข่งกันลดภาษีเพื่อดึงดูดการลงทุนที่เหมือนเหมือนวิ่งแข่งกันลงเหว
อย่างไรก็ตาม น.ส.ศิริกัญญา กล่าวท้วงติงรัฐบาลว่า การออก พ.ร.ก. ดังกล่าว ไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบเยียวยาผู้ประกอบการนักลงทุนที่เข้าข่ายเสียภาษีให้ชัดเจน ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก เปิดปีใหม่มีบริษัทข้ามชาติที่อยู่ในตลาดหุ้นไทยหลายตัวจึงมีราคาลดลงมาก ทำให้ดัชนีหุ้นไทยตกลงมาก เพราะกังวลจะต้องเสียภาษี
“ที่ผ่านมา รัฐบาลจะออก พ.ร.ก.อีกหนึ่งฉบับ เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศของอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อนำเงินภาษีที่รัฐบาลเก็บได้เพิ่ม นำไปจ่ายชดเชยให้กับนักลงทุนที่ต้องเสียภาษีมากขึ้น แต่ติดปัญหาผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังทำไม่ได้ ทำให้รัฐบาลยังมีมาตรการช่วยเยียวยาสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนที่ชัดเจน” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ส.ส. พรรคประชาชน อภิปรายว่า รัฐบาลไม่มีมาตรการรองรับผลกระทุนนักลงทุนที่ได้รับการอนุมัติจากบีโอไอ ไม่มีแผนงานที่จะดำเนินการที่ชัดเจนในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน อยู่ในประเทศไทยต่อไป
นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส. พรรคประชาชน อภิปรายว่า ปัจจุบันไทยเก็บภาษีนิติบุคคลอยู่ที่ 20% แต่นักลงทุนผู้ประกอบการที่ได้รับการอนุมัติจากบีโอไอ ได้รับการยกเว้นภาษี หรือ เสียภาษี 0% เป็นเวลานานหลายปี เมื่อ พ.ร.ก.เก็บภาษีธุรกิจข้ามชาติเพิ่มเติม มีผลบังคับใช้ ทำให้นักลงทุนที่ลงทุนไปแล้วที่ได้รับการยกเว้นภาษีต้องมาเสียภาษี ขณะที่นักลงทุนผู้ประกอบการที่ได้รับการอนุมัติจากบีโอไอไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มลงทุนก็จะชะลอหรือชะงักการลงทุน ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติอีกต่อไป
นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส. พรรคประชาชน กล่าวว่า พ.ร.ก.เก็บภาษีธุรกิจข้ามชาติเพิ่มเติม ที่รัฐบาลคาดว่าจะเก็บภาษีได้เพิ่ม 1.2 หมื่นล้านบาท อาจไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะนักลงทุนสามารถเลือกเสียภาษีไปยังประเทศที่บริษัทตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ได้ ซึ่งเป็นรัฐบาลต้องควรมีมาตรการรองรับผลกระทบที่ตามมา หากการออกกำหมายนี้ไม่เป็นตามรัฐบาลประเมินไว้
