กกร. ผวาสหรัฐขึ้นภาษีไม่หยุด กระทบการส่งออกไทย

Date:

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าทั้งแบบเจาะจง และแบบครอบคลุมวงกว้างเพิ่มเติม โดยได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม และเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจากสินค้ากลุ่มรถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยา รวมทั้งมีแผนเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับประเทศต่างๆ ในวงกว้างสำหรับสินค้าที่สหรัฐฯ เสียเปรียบจากการถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูง ซึ่งอาจทำให้สินค้าไทยมีต้นทุนภาษีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6-8% ทั้งนี้ สงครามการค้าได้กดดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการบริโภคและภาคบริการที่ชะลอลง ส่วนภาคอุตสาหกรรมยุโรปและญี่ปุ่นต่างหดตัวต่อเนื่อง

และที่ประชุม กกร. ยังมีความกังวลต่อการดำเนินนโยบายจัดเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกของไทย โดยล่าสุดสหรัฐฯ มีการประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากร้อยละ 10% เป็นร้อยละ 25% และยกเลิกข้อยกเว้นรายประเทศ ข้อตกลงตามโควตา รวมทั้งยกเลิกการยกเว้นภาษีแบบรายสินค้า โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2568 ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่มีการส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯ จะต้องแบกรับภาระภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น กกร. จึงเสนอขอให้ภาครัฐเร่งมีการบูรณาการข้อมูลการค้าในทุกมิติระหว่างไทยและสหรัฐฯ อาทิ ดุลการค้า ดุลภาคบริการและดิจิทัล ดุลภาคขนส่ง ดุลภาคการศึกษา เป็นต้น เพื่อนำมาวิเคราะห์กำหนดท่าทีร่วมกับภาคเอกชน ในการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งกำหนดยุทธศาสตร์ในการรับมือนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และผลกระทบจากสงครามการค้า เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการและสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ๆ ลดการพึ่งพาตลาดเดิม 

เศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณอ่อนแรงลง สะท้อนผ่านจีดีพีไตรมาส 4/2567 ที่ขยายตัวเพียง 3.2% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ราว 4.0% ส่งผลให้ทั้งปี 2567 จีดีพีขยายตัวเพียง 2.5% ต่ำกว่าระดับศักยภาพ โดยสาเหตุหลักมาจากการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่หดตัว สวนทางกับการส่งออกที่ยังขยายตัวดี เป็นเพราะปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันรุนแรงจากสินค้าต่างประเทศในหลายอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น รถยนต์ เคมีภัณฑ์ ยางและพลาสติก อิเล็กทรอนิกส์ วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น

เศรษฐกิจไทยปี 2568 เผชิญความเสี่ยงสูง สำนักวิจัยในต่างประเทศปรับลดประมาณการจีดีพีไทยลงเหลือ 2.6% จากเดิมอยู่ที่ 2.7% ท่ามกลางความเสี่ยงจากนโยบายการค้า และแรงกดดันต่อภาคการผลิตที่จะยังมีต่อเนื่อง ส่วนอุปสงค์ภายในประเทศยังเปราะบาง สอดคล้องกับมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทยที่นำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ มาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบและประคองการเติบโตทั้งในระยะสั้นและระยะยาวมีความจำเป็น โดยเฉพาะการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าโลก การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ การลดต้นทุนผู้ประกอบการ และการยกระดับภาคการผลิตให้แข่งขันได้ในระยะยาว

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ที่ประชุม กกร. เห็นด้วยกับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลาลงทะเบียนให้กับลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ที่เปราะบางเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกหนี้ได้รับการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ขนาดเล็กมากขึ้น ซึ่งจะสามารถครอบคลุมลูกหนี้จำนวน 2.1 ล้านบัญชี และมียอดหนี้รวมประมาณ 8.9 แสนล้านบาท ซึ่งในขณะนี้มียอดจำนวนลูกหนี้ลงทะเบียนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ อยู่ที่ 8.2 แสนราย หรือคิดเป็น 9.9 แสนบัญชี โดยโครงการประกอบด้วย 3 มาตรการ ได้แก่

1) มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” สำหรับลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการ

2) มาตรการ “จ่าย ปิด จบ” สำหรับลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และ Non-Bank ที่เข้าร่วมโครงการ

และ 3) มาตรการ “ลดผ่อน ลดดอก” สำหรับลูกหนี้ของ Non-Bank ที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เป็นการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดภาระการผ่อนอย่างมีนัยสำคัญให้กับลูกหนี้ เป็นมาตรการชั่วคราวที่ยาวถึง 3 ปี เพียงพอในการสนับสนุนและรองรับกับมาตรการระยะถัดไปของภาครัฐในการเข้ามาปฏิรูปเชิงโครงสร้างด้านต่างๆ ที่จะแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างยั่งยืน อาทิ การมีข้อมูลเครดิตที่ครบถ้วนจากทุกผู้ให้บริการสินเชื่อในฐานข้อมูลของ NCB การทำฐานข้อมูลหนี้นอกระบบ การยกระดับและการรับรองฝีมือแรงงานเพื่อรายได้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และการสร้างความสามารถในการแข่งขันและการค้าที่เป็นธรรมให้กับ SMEs เป็นต้น

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

เคทีซี เดินหน้าโครงการปันความรู้ เสริมศักยภาพพนักงาน

เคทีซี เดินหน้าโครงการปันความรู้ เสริมศักยภาพพนักงานพร้อมยกระดับการบริการ

เคทีซีปันน้ำใจกว่า 28 ล้านบาท ให้กับน้องๆ มูลนิธิเด็กโสสะฯ

เคทีซีรวมพลังสมาชิกปันน้ำใจกว่า 28 ล้านบาท ร่วมสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับน้องๆ มูลนิธิเด็กโสสะฯ

เคทีซี มอบทุนสนับสนุนมูลนิธิศุภนิมิตฯ กว่า 29 ล้านบาท

เคทีซี รวมพลังสมาชิกบัตรเครดิตส่งต่อโอกาส มอบทุนสนับสนุนมูลนิธิศุภนิมิตฯ กว่า 29 ล้านบาท

เคทีซีเผยยอดเช่ารถคึกคัก

เคทีซีเผยยอดเช่ารถคึกคัก เส้นทางเมืองรองได้รับความนิยมมากขึ้น