
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการ แถลงท้วงติงเรื่องการแจกเงินเฟสสาม ว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟสสาม ผ่านการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับประชาชนกลุ่มอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน นั้น สมควรมีการพิจารณาทบทวน เพราะตัวเลขจีดีพีแสดงชัดเจนแล้วว่าการแจกเงินทำนองนี้ไม่ได้ผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ไม่ได้เกิดพายุหมุนสี่ลูกตามที่โฆษณา รัฐบาลกลับเมินคำเตือนจากธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่แนะนำให้ใช้กระสุนด้านการคลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแทน ส่วนการกู้หนี้สาธารณะเอามาแจกเช่นนี้ ไม่ได้ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
นายธีระชัย ท้วงติงว่า การแจกเงินแก่คนอายุต่ำลงไปถึง 16-20 นั้น ส่วนใหญ่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน ยังไม่ได้ช่วยจ่ายเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเข้ามาเพื่อใช้บริหารประเทศชาติ แต่ยังต้องอาศัยการสนับสนุนจุนเจือจากสังคมเป็นรายวันด้วยซ้ำ จึงไม่มีเหตุผลที่จะเอาเงินภาษีของคนทั้งประเทศไปใช้แบบนี้ และเห็นว่าคณะกรรมการกำกับการเลือกตั้งควรพิจารณาว่ามีเจตนาจะ “ตกเขียว” ซื้อความนิยมของคนหนุ่มสาวที่จะมีสิทธิเลือกตั้งในอีก 2 ปีข้างหน้าหรือไม่
ส่วนวัตถุประสงค์จะให้ใช้ซื้ออุปกรณ์การศึกษาที่จำเป็นนั้น ก็ควรใช้มาตรการที่อุดหนุนตรงไปที่โรงเรียน เพราะไม่เห็นว่ารัฐบาลมีกลไกใดที่จะทำให้แน่ใจได้ว่าผู้รับเงินนำไปใช้จ่ายเช่นนี้ แทนที่จะไปเล่นเกม หรือพนันออนไลน์
อีกประการหนึ่ง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังที่แถลงว่าจะตัดรายการสินค้าต้องห้าม หรือ Negative List ออกทั้งหมดนั้น ก็เป็นการยอมรับสภาพว่า ในเมื่อรัฐบาลแจกเป็นเงินสดไม่ใช่เงินดิจิทัล ย่อมไม่สามารถควบคุมการซื้อสินค้านำเข้าซึ่งทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจไปเกิดนอกประเทศอันเป็นการเสียงบประมาณทิ้งเปล่าอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลมีปัญหาจากการที่ไปชักจูงให้คนมาลงทะเบียนไว้ และขณะนี้ยังได้รับเงินมีจำนวนมากกว่า 16 ล้านคน รัฐบาลควรชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะแจกเป็นเงินดิจิทัลได้จริงหรือไม่ เพราะจนบัดนี้ กระทรวงการคลังก็ยังไม่ได้แถลงข่าวว่ามีการหารือสำเร็จเรียบร้อยกับแบงค์ชาติในเรื่องการออกเงินดิจิทัลตามกฎหมายเงินตรา หรือในการเชื่อมโยงระบบโอนเงินดิจิทัลเข้ากับระบบโอนเงินระหว่างธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายแบงค์ชาติ
“ประชาชนตั้งความหวังว่า รัฐบาลที่มีชื่อเสียงด้านบริหารเศรษฐกิจ น่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นผลงาน และอนาคตที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอลงจากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐ รัฐบาลนี้ก็ไม่ได้ชี้นำว่าประชาชนต้องเตรียมตั้งรับอย่างไร”นายธีระชัย กล่าว