“เศรษฐา” แนะภาคอสังหาฯ บริหารแคชโฟลว์ประคองธุรกิจให้รอด

Date:

นายเศรษฐา ทวีสิน Co-Founder หลักสูตร The NEXT Real และนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 กล่าวปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิดงาน  Real Connext 2025 ว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในอัตราเฉลี่ยเพียง 1.9% ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ต่างมีอัตราการเติบโตมากกว่าไทยถึง 2 เท่า ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยมาอย่างยาวนาน แนวทางที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญ จึงเป็นเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดย 20 ปีที่ผ่านมา โครงการเมกะโปรเจ็กต์มีเพียงการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ยังไม่มีโครงการอื่นๆ ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นเลย

ทั้งนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและแก้ปัญหาหลากหลายด้าน ได้แก่ 1.การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและสร้างความมั่นใจการลงทุน เนื่องจากอุตสาหกรรมใหม่ เช่น Data Center เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารจัดการที่ดี รวมถึงต้องยกระดับโครงสร้างพื้นฐานภายในสนามบิน เช่น ต้องมี Cold Storage เพื่ออำนวยความสะดวกต่อสินค้าที่ต้องแช่เย็น 2.การแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งระยะยาว ที่ผ่านมา การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลส่วนหนึ่งในแต่ละปี มักเป็นเรื่องการชดเชยราคาพืชผลทางการเกษตรจากปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง การสร้างเขื่อน การสร้างคูน้ำ ตลอดจนการถมทะเล จะเข้ามามีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาระยะยาว

3.การขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจออกจากตัวเมือง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบิน รถไฟฟ้าความเร็วสูง ระบบคมนาคม จะช่วยกระจายความเจริญออกจากกรุงเทพฯ เมืองขยายตัว เกิดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ใหม่ๆ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และ 4.การเพิ่มระยะเวลาพำนักและปริมาณการใช้จ่ายของการท่องเที่ยว เชื่อมโยงการคมนาคมที่แข็งแรงออกสู่เมืองรองหรือเมืองน่าเที่ยว เพื่อเพิ่มระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวต่างชาติจากที่เน้นท่องเที่ยวเมืองหลักอยู่เพียงราว 3 วัน ให้ขยายไปสู่การท่องเที่ยวเมืองอื่นๆ เป็น 10 วันแบบฝรั่งเศส อิตาลี และเพิ่มปริมาณการใช้จ่ายต่อหัว (Spending per head) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญกว่าการเพิ่มแต่ปริมาณนักท่องเที่ยว

สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้นั้น อาจมาได้จาก 3 แนวทาง คือ 1.การยกระดับเพดานหนี้สาธารณะเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทย ถูกกำหนดเพดานไว้ไม่เกิน 70% ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอัตรา 60-65% หากไม่แก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะอาจจะไปแตะที่ 70% ได้ในช่วงกลางปีหน้า ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศกำหนดเพดานไว้สูงกว่า 70% โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เข้าใจว่าสูงถึง 200% 2.การออกตราสารหนี้และการดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ เช่น โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งสามารถดึงดูดบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จากต่างประเทศ และ 3.การฟื้นฟูการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (Overlapping Claims Area: OCA) เพื่อแบ่งประโยชน์จากทรัพยากรแก๊สธรรมชาติที่อยู่ใต้พื้นที่ทับซ้อนกว่า 20 ล้านล้านบาท โดยไม่แบ่งพื้นที่ทับซ้อน

“แก๊สเหล่านี้เป็นพลังงานไม่สะอาด หรือ Brown Energy อีก 10 ปี จะไม่มีใครอยากให้ใช้ทรัพยากรนี้ เนื่องจากผู้ใช้แก๊สในธุรกิจจะถูกกำแพงภาษี ธุรกิจส่วนใหญ่จะหันไปใช้พลังงานสะอาดอื่นๆ แทน ขณะที่แก๊สเหล่านี้มีมูลค่าถึงกว่า 20 ล้านล้านบาท สูงกว่างบประมาณแผ่นดินประเทศไทยปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 3.8 ล้านล้านบาท หากนำมาแบ่งผลประโยชน์กันเหลือมูลค่าฝ่ายละ 10 ล้านล้านบาท ประเทศไทยจะมีงบประมาณแผ่นดินเกือบ 3 ปีเลยทีเดียว แต่หากไม่รีบเจรจา ไม่รีบนำมาใช้ อนาคตก็จะไม่มีใครต้องการใช้” นายเศรษฐา ระบุ

สำหรับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นายเศรษฐา กล่าวว่า อยากให้ทุกบริษัทช่วยกันประคองธุรกิจต่อไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอนาคตจะยังไม่สดใสและต้องทำงานหนัก อย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีข้างหน้า ต้องบริหารกระแสเงินสดให้ดีเพราะเป็นสิ่งที่สำคัญต่อธุรกิจ อย่าคาดหวังว่าจะพึ่งพาเงินทุนจากการพรีเซลล์เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ และอย่าคาดหวังว่าการยื่นขอ EIA และจะได้รับการอนุมัติในทุกโครงการ

นายเศรษฐา กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของประชากร (Shift of Demographic) เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เช่น จีนปัจจุบันมี 1,250 ล้านคน จะลดลงเหลือ 750 ล้านคน ขณะที่ประเทศไทย ปัจจุบันมีประชากรเพียง 66 ล้านคน ในอนาคตอีก 50 ปีข้างหน้า มีการคาดการณ์ว่าจะเหลือจำนวนเพียง 37 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงและลดจำนวนลง จะส่งผลให้ไม่มีลูกค้ามาซื้อบ้าน ธุรกิจต่างๆ ก็มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนโครงสร้างประชากรนี้เช่นกัน ดังนั้น ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันสร้างสังคมให้ดี ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาค ทำให้คนมั่นใจในการมีลูก รวมถึงทำให้คนรุ่นใหม่มั่นใจในอนาคต สร้างสังคมที่เท่าเทียม เปลี่ยนเทรนด์ประชากร

สำหรับงาน Real Connext 2025 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 จากที่จัดงานครั้งแรกในปี 2018 ปัจจุบันหลักสูตร The NEXT Real มีผู้สำเร็จการอบรมแล้วรวม 1,700 คน รวม 14 รุ่น โดยสัดส่วนผู้เข้ารับการอบรม 50% เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ส่วนสัดส่วนอีก 50% เป็นกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ตกแต่ง และเกี่ยวข้อง ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมรวมรุ่นผู้เข้ารับการอบรมตั้งแต่รุ่นที่ 1-14 พร้อมทั้งจัดแสดงสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง และจัดเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ในแวดวงธุรกิจประเด็นต่าง ๆ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 มีนาคม 2568 ณ Island Hall ชั้น 3 Fashion Island

ทั้งนี้ หลักสูตร The NEXT Real มุ่งเน้น ให้ผู้เข้าอบรมได้แลกเปลี่ยนแนวคิด และมุมมองใหม่ๆ ซึ่งมีการรวบรวมผู้บริหารในวงการอสังหาริมทรัพย์มาถ่ายทอดทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ เพื่อให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ใช้เป็นแบบอย่างในการเรียนรู้ ให้ก้าวพ้นจากความผิดพลาดและมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จ และมีโอกาสได้พบกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้นแบบ เกิดความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในไทย และต่างประเทศ ผสมผสานการเรียนรู้นวัตกรรมทางธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการนำ “Experience” ชั้นเลิศ บวก “Trend” ระดับโลก สร้าง “Innovation” ใหม่ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกับการสร้างReal Estate Ecosystem ของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ ที่เข้มแข็งและการเชื่อมต่อกันอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยส่งเสริมและต่อยอดความสำเร็จซึ่งกันและกัน ล่าสุด กำลังเปิดรับสมัครผู้เข้าอบรมรุ่นที่ 15 สอบถามได้ที่ 094-149-4466, 095-691-5422 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thenextreal.net/

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

ออมสิน เปิดตัวสินเชื่อสร้างเครดิต ดึงคนฐานรากได้สินเชื่อ 5 แสนราย

ออมสิน เปิดตัว สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ดึงคนฐานราก 5 แสนรายเข้าสู่ระบบสินเชื่อ เป็า 1 ล้านราย ภายใน 3 ปี

JCR คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ A

JCR คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ A และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ระดับมีเสถียรภาพ

นายกฯ พอใจผลการปราบบุหรี่ไฟฟ้า

นายกฯ ถกติดตามปราบบุหรี่ไฟฟ้า พอใจตัวเลข 2 สัปดาห์ ดีขึ้น ไม่นิ่งนอนใจ ฝากการบ้านตรวจบางตัวใส่สารเสพติด

จ่อ ลดค่าโอนและจำนอง อุ้มอสังหาฯ

คลังเร่ง ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง พร้อมผ่อนปรนมาตรการ LTV อุ้มภาคอสังหาฯ