การตกต่ำดำดิ่งของเศรษฐกิจไทย

Date:

นายสมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟสบุ๊ก “Sommai Phasee – – สมหมาย ภาษี” ระบุว่า

การตกต่ำดำดิ่งของเศรษฐกิจไทย

ในช่วงที่มหาสงกรานต์ยังมีกลิ่นของความสนุกสนานอยู่นี้ ประเทศไทยของเราก็โดนสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่สำคัญได้ประกาศถึงความตกต่ำของเศรษฐกิจไทยให้โลกรู้ทั่วกันถึง 3 เรื่องใหญ่ด้วยกัน

ประการแรก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ IMF ได้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ของปี 2568 นี้ว่าของโลกจะโต 2.8 % แต่ของไทยจะโตแค่ 1.8 % 

ประการที่สอง หนึ่งสัปดาห์ต่อมาธนาคารโลกหรือ World Bank ได้คาดการณ์แบบตอกตะปูแน่นเข้าไปอีกว่า GDP ของไทยปีนี้จะโตแค่ 1.6 % เท่านั้น ต่ำสุดในอาเซียน ยกเว้นประเทศเมียนมาร์ประเทศเดียว แถมจะบอกต่อไปอีกว่าในปีหน้า 2569 ที่ธนาคารโลกเคยคาดว่าจะโต 2.9 % จะเหลือแค่ 1.8 % เท่านั้น

ด้วยการบริหารของท่านขี้โม้คุยโวทั้งหลายนั้น ได้ทำให้การคาดการณ์ของการเติบโตที่รัฐบาลไทยไม่อาจจะโต้เถียงได้อีกเหล่านี้ บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยขณะนี้ได้ตกต่ำดำดิ่งอย่างชัดเจนแล้ว 

ประการที่สาม และแล้วเมื่อวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568 การประจานให้โลกรู้ถึงความตกต่ำของเศรษฐกิจไทยก็เกิดขึ้น กล่าวคือมูส์ดี้ (Moody) ซึ่งเป็นหน่วยงานวัดระดับหรือสถานะทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก ที่เคยจัดเครดิตเรตติ้งให้แก่ประเทศไทยที่ระดับ Baa1 ที่เรียกว่ามีเสถียรภาพ (Stable) มาหลายปีมากแล้ว มาเป็นติดลบ (Negative) 

เหตุผลในการเปลี่ยนสถานะของอันดับเครดิตของไทยเป็นติดลบครั้งนี้ มูส์ดี้ได้สาธยายได้ละเอียดมาก โดยเฉพาะเรื่องความอ่อนแอของไทยที่ไม่สามารถก่อให้เกิดความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการคลังได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการสร้างความเข้มแข็งทั้งสองด้านของประเทศที่มีมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การระบาดของโควิดเป็นต้นมา

ผลที่จะตามมาของการลดสถานะเครดิตไทยจากมีเสถียรภาพเป็นติดลบของมูส์ดี้ครั้งนี้จะกระทบประเทศไทยมาก ประการสำคัญคือทำให้หนี้ของไทยทั้งภาครัฐและเอกชนที่กู้จากต่างประเทศมีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ตราสารหนี้ก็จะมีผลตอบแทนที่สูงขึ้น และผลที่จะตามมา คือ การลงทุนของต่างประเทศทุกด้านในประเทศไทยก็จะถดถอยลง

คงไม่ต้องสาธยายถึงปัญหาเรื้อรังของประเทศที่แต่ละรัฐบาลได้เสียเวลาโทษกันมาเรื่อยว่าใครเป็นคนทำ แต่มันเป็นเรื่องผีซ้ำด้ามพลอยของประเทศไทยบวกกับการไม่ใส่ใจบริหารประเทศของรัฐบาลมากกว่า

ปัญหาโครงสร้างใหญ่ของไทยที่แก้ยากหรือไม่ได้รับการสนใจจะแก้จากรัฐบาลแทนที่จะลดลงแต่กลับถูกทำหรือปล่อยให้เลวร้ายลงเรื่อย นับตั้งแต่ปัญหาการทวีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรผู้สูงอายุ การมีหนี้ครัวเรือนที่สูงมากอย่างยั่งยืน การมีหนี้สาธารณะของภาครัฐที่ยังไม่เห็นทางจะทุเลาลง ตรงกันข้ามมีแต่จะทำให้เลวร้ายลงไปอีก การมีภาวะอากาศเสียที่ยิ่งเพิ่มหนักขึ้นทุกปี การขาดธรรมภิบาลในภาครัฐ การทุกจริตคอร์รัปชั่นที่แพร่กระจายไปทั่วทุกองคาพยพ และสุดท้ายคือภาวะสังคมที่เสื่อมโทรมลงเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงผลกระทบอย่างรุนแรงจากการปรับภาษี (Tariff) ของ Trump

แต่ในช่วงที่ข่าวทางเศรษฐกิจอันเลวร้ายออกมานี้ ผู้นำของรัฐบาลและรัฐมนตรีหลายท่านยังไม่รู้สึกรู้สา กลับเน้นย้ำเรื่องเดินหน้าการสร้างศูนย์รวมสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ที่มีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมายอย่างจริงจังแทบทุกวัน มันมีอะไรกันนักหนาหรือประเทศนี้

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

เปิดจุดยืน 4 ปลัดคลัง พาประเทศฝ่าวิกฤต

“ยึดหลักการ ถูกต้อง ซื่อสัตย์สุจริต” จุด ยืน 4 ปลัดคลัง พาประเทศฝ่าวิกฤต

สตง. กับพระพิโรธของพระสยามเทวาธิราช

สมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง ชี้ สตง. กับพระพิโรธของพระสยามเทวาธิราช

นโยบายปรับภาษีสหรัฐ ทำให้โลกไม่เหมือนเดิม

สมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง ชี้ นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ออมสิน ร่วมงาน 150 ปี กระทรวงการคลัง

ออมสิน ร่วมงาน 150 ปี กระทรวงการคลัง