
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟสบุ๊ก “กรณ์ จาติกวณิช – Korn Chatikavanij” ระบุว่า
เราเจอเข้าเต็ม 36%!
นี่คือผลเจรจาที่เลวร้ายที่สุดที่เป็นไปได้ เพราะนอกจากไม่ได้ลดหย่อนอะไรจากที่อเมริกาประกาศไว้เมื่อ 90 วันก่อน แต่เป็นอัตราที่สูงกว่าเวียดนามที่เจรจาลดของเขาลงได้กว่าครึ่ง
อเมริกาแจ้งมาว่าหากในอนาคตเราลดภาษีที่คิดเขาลง เขาก็จะปรับภาษีที่คิดกับเราลงตาม
การเจรจากับทรัมป์เป็นเรื่องที่ยากมาก อเมริกาถือไพ่เหนือกว่าเราเป็นทุนเดิม และในขณะที่รัฐบาลเราหา win-win เขาเองมองว่าเราเอาเปรียบเขามานานแล้ว ถึงเวลาเขา win คนเดียวบ้างเพื่อเป็นการชดเชย – ทีมเราอ่านเกมส์นี้ไม่ขาด
ที่เวียดนามกล้าลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% เป็นเพราะเขาแข่งขันได้ (และพร้อมแข่งขัน) มากกว่าเราในทุกภาคอุตสาหกรรม คำถามคือในการเจรจาที่ผ่านมาเรายังพยายามปกป้องใครอยู่บ้าง? คุ้มหรือไม่กับความเดือดร้อนของผู้ส่งออก และการสูญเสียรายได้ของประเทศ?
ที่สำคัญคือรัฐบาลได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์นี้อย่างไร? อันดับแรก รัฐบาลควรทบทวนการพิจารณางบประมาณปี 69 ทั้งหมด ทั้งแหล่งรายได้ และทั้งการใช้จ่าย หากรัฐบาลยังทำทุกอย่างเหมือนเดิมคนไทยจะเดือดร้อนหนักมาก อันดับที่สอง ควรระวังผลต่อดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศ หากเราเริ่มขาดดุลต่อเนื่อง ในขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศก็ลดลง ประเด็นเรื่องเสถียรภาพจะเริ่มมีความสำคัญ ในจังหวะนี้เราจะมีเลือกผู้ว่าแบงค์ชาติท่านใหม่พอดี วิสัยทัศน์และทัศนคติของผู้ว่าท่านใหม่จะมีผลต่อความเชื่อมั่นมาก