ปมร้อนไทย-กัมพูชา ทำศก.ไทยเสียหาย 17,000 ล้านบาทต่อเดือน

Date:

Krungthai COMPASS ประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาจะส่งผลกระทบผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ การค้าชายแดน การท่องเที่ยว และการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายอย่างน้อยราว 17,000 ล้านบาทต่อเดือน ดังนี้

1) การค้าชายแดน คาดว่า การปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 5 ด่านสำคัญจะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาหายไปราว 14,011 ล้านบาทต่อเดือนแบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกชายแดนและมูลค่าการนำเข้าชายแดน หายไปราว 11,410 และ 2,601 ล้านบาทต่อเดือน ตามลำดับ โดยด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว คาดได้รับผลกระทบมากที่สุด สำหรับกลุ่มสินค้าส่งออกที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่ม ส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน ส่วนกลุ่มสินค้านำเข้า ได้แก่ ผักและของปรุงแต่งจากผัก โดยเฉพาะมันสำปะหลัง

2) การท่องเที่ยว ความเสียหายด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวกัมพูชาที่เข้ามาในไทยที่ลดลงและจากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่ไม่สามารถไปท่องเที่ยวใน 4 จังหวัด ที่มีการปะทะคาดมีมูลค่าอย่างน้อยราว 2,970 ล้านบาทต่อเดือน

3) การลงทุน หากสถานการณ์ยกระดับความรุนแรงและขยายวงกว้างขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชา โดยในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 100 ราย มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบสูง เช่น ธุรกิจเครื่องดื่ม และค้าปลีก

ในระยะสั้น ผู้ประกอบการนำเข้าส่งออกอาจพิจารณาเปลี่ยนเส้นทางและรูปแบบ (mode) ในการขนส่งสินค้า ส่วนในระยะถัดไป อาจพิจารณาหาตลาดเพื่อทดแทนหรือกระจายความเสี่ยงจากตลาดกัมพูชา

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

GC คว้า 3 รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ

GC คว้า 3 รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ สะท้อนบทบาทองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์สร้างผลลัพธ์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. คว้ารางวัลกินรี ระดับดีเด่น

ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง คว้ารางวัลกินรี ระดับดีเด่น ครั้งที่ 15 ตอกย้ำแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพเพื่อสังคมยั่งยืน

orbix INVEST ชี้ Ethereum เติบโตแซง Bitcoin

orbix INVEST ชี้ Ethereum เติบโตแซง Bitcoin แนะกลยุทธ์ลงทุนไตรมาส 4 เน้นบริหารความผันผวนอย่างสมดุล

กสิกรไทย เพิ่มเป้าอัดฉีดเม็ดเงินความยั่งยืน เป็น 4-5 แสนล้านบาท

กสิกรไทย เดินหน้า เพิ่มเป้าอัดฉีดเม็ดเงินความยั่งยืน เป็น 4-5 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านสภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมที่สุด