นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการ 759.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 248.25 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 49% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) มีกำไรสุทธิ รวม 168.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.84 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2568 บริษัทฯมีกำไรสุทธิรวม 314.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 37% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 1,505.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 276.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 22% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ในครึ่งปีแรก 2568 บริษัทฯสามารถรักษาระดับการเติบโตของยอดขายและกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรายได้หลักมาจากธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสารและระบบรักษาความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ที่ขยายการให้บริการ ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายบริการด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการ Digitization ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลของภาครัฐซึ่งมีโครงการสำคัญได้แก่ โครงการนำเข้าข้อมูลที่ดินเพื่อการจดทะเบียนออนไลน์ทั่วประเทศ เป็นต้น
สำหรับรายได้จากธุรกิจรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยียังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 2 โครงการหลัก คือ โครงการบริหารจัดการน้ำด้วยระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ และโครงการพัฒนาด้านวิศวกรรมเทคโนโลยี เพื่อการเรียนรู้และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ครอบคลุมการออกแบบและปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้ทางธรรมชาติและศูนย์วิจัยทรัพยากรธรรมชาติ ที่เน้นการนำเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดแสดงและการจัดเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
นายฐกร กล่าวอีกว่า ที่ประชุมกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท โกรโปร คอนซัลติ้ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (Growpro) เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security)ในสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 35 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วภายหลังการลงทุน เป็นเงินลงทุนมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 70 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาบริษัทฯเติบโตจากธุรกิจ DATA และ Technology Engineering โดยเฉพาะในทุกธุรกิจ DATA มีความสำคัญมากขึ้นจึงเป็นเหตุผลให้เราไปสร้างพันธมิตรธุรกิจกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากในอนาค Cyber Security จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ” นายฐกร กล่าว
นายฐกร กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมของบริษัทฯในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท/หุ้น สำหรับจำนวนหุ้นจำนวน 693,913,599 หุ้น หรือคิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 173,478,399.75 บาท โดยเงินปันผลทั้งหมดจะถูกหักภาษี ณ. ที่จ่ายตามอัตราที่กฏหมายกำหนด โดยบริษัทฯจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 28 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 กันยายน 2568 และให้ทำการแจ้งแก่ผู้ถือหุ้นเพื่อรับทราบการจ่ายเงินปันผลข้างต้นในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งต่อไป
