ttb analytics มองเศรษฐกิจโลกชะลอตัวพร้อมปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติม

Date:

ttb analytics คาดส่งออกสินค้าชะลอลงมากในช่วงหลังปี 2565 สวนทางการนำเข้าที่เร่งตัวสูง

เข้าสู่ช่วงปลายปี 2565 เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือไปจากผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นปี 2565 หลายปัจจัยที่มีผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2565 นี้ นับเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า เช่น ภัยแล้ง และความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะกรณีจีนและไต้หวัน ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจโลกที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ได้เกิดความผันผวนและมีความแตกต่างกันในจังหวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกล่าสุดกำลังเข้าสู่ช่วงชะลอตัวตามการลดลงของกำลังซื้อ อันเนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจากราคาพลังงานเป็นหลัก ประกอบกับธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ อยู่ในช่วงเร่งขึ้นดอกเบี้ยซึ่งทำให้ต้นทุนทางการเงินโดยรวมทั่วโลกเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ของครัวเรือนส่วนใหญ่ยังขยายตัวได้อย่างจำกัด ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลบั่นทอนกำลังซื้อของครัวเรือนทั่วโลกโดยรวมและนำมาสู่การปรับลดการจับจ่ายใช้สอย โดยจะสะท้อนได้จากยอดการค้าปลีกทั่วโลกที่มีแรงส่งลดลงในช่วงต้นไตรมาสที่ 3 ปี 2565 นี้

นอกจากนี้ การผลิตทั่วโลกก็มีแนวโน้มแผ่วลงด้วย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ทั่วโลกที่เริ่มแผ่วลง และอีกปัจจัยมาจากแนวทางควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดของประเทศเศรษฐกิจหลักในเอเชีย คือ จีน ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้กระบวนการผลิตสินค้าบางประเภทโดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ชิปเซมิคอนดักเตอร์ ในหลายประเทศที่เป็นซัพพลายเชนของจีนเกิดภาวะสะดุดลงในช่วงกลางปี และในระยะต่อไปยังมีโอกาสสะดุดลงได้อีกในช่วงที่เหลือของปีขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงฤดูหนาว สำหรับกรณีปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนก็มีส่วนทำให้ความต้องการสินค้าในหมวดโลหะจากจีนปรับลดลงต่อเนื่องด้วย ซึ่งส่งผลกระทบเกี่ยวโยงไปถึงการผลิตเพื่อส่งออกสินค้าในหมวดดังกล่าวในบางประเทศ เช่น ไทย

ดังนั้น แรงส่ง (momentum) ของกิจกรรมทางการผลิตในหลายประเทศจึงได้หดตัวแล้วนับแต่ช่วงกลางปี อาทิ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ รวมถึงบางประเทศในยุโรป (อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ) ส่วนการผลิตในสหรัฐอเมริกายังอยู่ในทิศทางชะลอตัวลง นอกจากนี้ ล่าสุดข้อมูลผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนสิงหาคม 2565 ก็สะท้อนให้เห็นว่า มีอีกหลายประเทศทั่วโลกที่แนวโน้มกิจกรรมภาคการผลิตเข้าสู่ภาวะหดตัวเพิ่มเติม อาทิ กลุ่มยูโรโซน โดยเฉพาะเยอรมนี อังกฤษ แคนาดา จีน และเกาหลีใต้

ช่วงที่เหลือของปี 2565 ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจโลกเพิ่มเติม คือ

1) ภัยแล้งรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ราคาอาหารทั่วโลกยังคงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยเฉพาะราคาข้าวโพดที่อาจเร่งตัวขึ้นจากปริมาณการเพาะปลูกที่ไม่เพียงพอ แม้แรงกดดันต่อราคาอาหารโลกโดยรวมอาจลดลงไปบ้างหลังยูเครนสามารถกลับมาส่งออกธัญพืชทางเรือได้อีกครั้ง อีกทั้งภัยแล้งยังส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะในจีน ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อกิจกรรมการผลิตในบางเมืองหลักของจีน อาทิ เซี่ยงไฮ้ อีกด้วย

2) ความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจขยายวงและรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกรณีจีนและไต้หวัน ซึ่งการตอบโต้ในประเด็นความขัดแย้งดังกล่าวได้ส่งผลต่อการผลิตและส่งออกชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีฐานการผลิตหลักที่ไต้หวัน ดังนั้น จึงเป็นความเสี่ยงที่จะเห็นผลกระทบด้านลบต่อกระบวนการผลิตสินค้าในกลุ่มยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ชัดเจนขึ้นในระยะต่อไป อย่างไรก็ดี ยังมีความเสี่ยงจากผลกระทบของพายุซุปเปอร์ไต้ฝุ่นที่กำลังเกิดขึ้นที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าในเมืองสำคัญของทั้งสองประเทศ จึงยังต้องติดตามเพื่อประเมินสถานการณ์และผลกระทบต่อการผลิตต่อไป

ด้วยเหตุผลข้างต้น จึงสามารถแบ่งกลุ่มเศรษฐกิจแต่ละประเทศทั่วโลกออกได้เป็นสองกลุ่ม คือ ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกที่แรงส่งทางเศรษฐกิจมีทิศทางชะลอตัวลง และกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงชัดเจนว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย คือ สหภาพยุโรปและอังกฤษ เนื่องมาจากค่าครองชีพที่เร่งตัวในระดับสูงจากวิกฤตพลังงานในยุโรป ราคาอาหารที่เร่งตัว ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเร็วตามการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงต่อเนื่อง ซึ่งไทยมีการส่งออกสินค้าประเภทคอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าไปยุโรปสูงถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ราว 16% ของมูลค่าส่งออกสินค้าประเภทดังกล่าวไปทั่วโลก

ด้านนัยต่อการส่งออกสินค้าของไทย เศรษฐกิจคู่ค้าทั่วโลกที่ชะลอตัวลง บนเงื่อนไขที่ไทยได้ประโยชน์จากการส่งออกสินค้าหมวดอาหาร อาทิ ผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง/แห้ง และไก่แปรรูป ซึ่งมูลค่าการส่งออกหมวดอาหารคิดเป็นร้อยละ 20 ของการส่งออกสินค้าของไทยทั้งหมด ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics จึงประเมินว่าการส่งออกสินค้าของไทย ณ 7 เดือนแรกที่ขยายตัวดีถึงร้อยละ 11.6 จากระยะเดียวกันเมื่อเทียบกับปี 2564 จะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 3.5 ในช่วงห้าเดือนที่เหลือของปี 2565 นี้ และทำให้ทั้งปีการส่งออกสินค้าของไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ 8.1 คิดเป็นเม็ดเงินส่งออกที่ 293 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่ายังสูงกว่ามูลค่าส่งออกสินค้าในปี 2564 ซึ่งมีอยู่ที่ 270 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อวิเคราะห์ในมิติรายสินค้าพบว่า สินค้าส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจต่างประเทศจะเป็นสินค้ากลุ่มที่ใช้ชิปเซมิคอนดักเตอร์ในกระบวนการผลิตเป็นหลัก เนื่องจากจะได้รับผลเสียจากปัญหาการสะดุดตัวในซัพพลายเชน (supply disruption) และอุปสงค์ในต่างประเทศที่ลดลง อาทิ รถยนต์และชิ้นส่วน คอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าในหมวดผลิตภัณฑ์ยาง พลาสติกและโลหะ ก็จะลดลงตามทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ชะลอตัวลงเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม มองว่าผลดีจากการส่งออกสินค้าของไทยที่ยังขยายตัวได้ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงนั้น ก็จะถูกลดทอนลงจากการนำเข้าสินค้าของไทยที่เร่งตัวสูงกว่าการส่งออกที่ร้อยละ 17.6 ตามการนำเข้าสินค้ากลุ่มพลังงาน และการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก และดุลการค้าของไทยก็มีแนวโน้มขาดดุลราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2565 นี้

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

นายกฯ อนุทิน เดินสายเศรษฐกิจ นโยบายดีเอาหมด

นายกฯ อนุทิน เดินสายต่อคุยภาคธุรกิจ นโยบายดีเอาหมด คิวต่อไปพบสมาคมแบงก์หารือสภาพคล่อง

ถอนเงินไม่ใช้บัตร ผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็มทั่วประเทศ

ถอนเงินไม่ใช้บัตร ได้ง่ายและสะดวกขึ้น ผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็มทั่วประเทศ

กรุงศรี ยึดที่มั่นหนึ่งในใจลูกค้าจากความสำเร็จของ Krungsri GIFT

กรุงศรี ยึดที่มั่นหนึ่งในใจลูกค้าจากความสำเร็จของ Krungsri GIFT คว้ารางวัล Best Customer Loyalty and Rewards Programme in Thailand

นายกฯ อนุทิน นำทีมเศรษฐกิจพบหอการค้า เร่งฟื้นศก.ประเทศให้เข้มแข็ง

นายกฯ อนุทิน นำทีมเศรษฐกิจพบหอการค้า เน้นโจทย์หลักเร่งฟื้นศก.ประเทศให้เข้มแข็ง ย้ำทูลเกล้าฯครม.แล้ว