นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การทำงานในตำแหน่งผู้ว่า ธปท. 5 ปี ที่จะครบวาระในวันที่ 30 กันยายน 2568 ทำให้ ธปท.โดนกล่าวหามากๆ ตั้งแต่หลังวิกฤตโควิดปี 2565 ว่า ขึ้นดอกเบี้ยช้า ทำให้เงินเฟ้อไม่ลง ช่วงนั้น ธปท. วิเคราะห์ละเอียด เศรษฐกิจไทยไม่เหมือนเมืองนอก เงินเฟ้อไทยชั้่วคราว เศรษฐกิจฟื้นจากโควิดช้า ทำให้ไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ ไม่ได้ ต้องค่อยๆ ทยอยขึ้น ขึ้นช้ากว่าที่อื่น
“เป็นการวิเคราะห์ถูกต้องของธปท. จากเงินเฟ้อขึ้นไป 7.9% และเข้ากรอบใน 7 เดือน และเศรษฐกิจปี 2565 โตได้ 2.6% และปัจจุบันได้ปรับลดดอกเบี้ยจาก 2.5% มาอยู่ 1.5%” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ทางฝั่งการเงิน ธปท. มีการแก้หนี้แบบยั่งยืน รับผิดชอบทั้งสองฝั่งเจ้าหนี้ และลูกหนี้ แต่ถูกมองว่า ไปบังคับแบงก์ไม่ให้ปล่อยสินเชื่อ แต่ธปท. ก็ดำเนินมาตรการแก้หนี้ได้ 2.5 ล้านบัญชี มูลหนี้ 1.5 ล้านล้านบาท รวมถึงมาตรการซอฟท์โลนวงเงืน 1 แสนล้านบาท มี 8 ธนาคาร เข้าร่วมโครงการ มีการปล่อยไปแล้ว 9.7 หมื่นล้านบาท
สำหรับเศรษฐกิจไทยปัจจุบัน ช็อคจากสหรัฐขึ้นภาษี ทำให้ไทยต้องเหนื่อยมากขึ้น ดอกเบี้ยปรับลงมาอยู่ 1.5% เทียบกับโลกต่ำเป็นอันดับ 4 รองจาก ญี่ปุ่น จีน สวิสเซอร์แลนด์
“วันนี้ เศรษฐกิจไทยโตแบบแผ่วๆ มองไปข้างหน้า การทำนโยบาย ธปท. การผสามผสาน นโยบายการเงิน ดอกเบี้ย ไม่ได้ตรงจุด เสริมด้วยมาตรการการเงิน ปรับโครงสร้างหนี้ การดูแลความผันผวนค่าเงินบาท” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ยอมรับว่า ที่ผ่านมาถูกว่าดื้อไม่ยืดหยุ่น แต่ ธปท. ยืนยัน ธปท. ปรับตัวและมาตรการตามสถานการณ์ หากมองไปข้างหน้าปัจจุบัน จะสะท้อนอดีตที่ ธปท. ดำเนินการที่ผ่านมา ที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นชั่วคราวเท่านั้น และก็กลับไปไม่ดีเหมือนเดิม
“เศรษฐกิจไทยเจอโรคเรื้อรัง เหมือนเบาหวาน อันแรกความสามารถการแข่งขันลดลง การดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศน้อย” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
ผู้ว่า ธปท. เป็นห่วงฐานะการคลัง ทำประเทศไทยถูกลดเครดิต
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ในระยะต่อไปเศรษฐกิจไทยต้องดูเรื่องการกระจายรายได้ ว่าเงินไปจากไหน ถึงใคร และใครได้ ลดความเหลื่อนล้ำที่สูงจริงๆ ให้ลดลง เมื่อดูจากทรัพย์สินสุทธิของภาคครัวเรือนติดลบ จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ 24 ล้านครัวเรือน ท็อป 1% มีทรัพย์สินเท่ากับ 13 ครัวเรือนที่จนที่สุด ยังไม่สะท้อนแท้จริง ความเป็นจริงต่ำกว่านั้น
“ภาตรัฐต้องไม่สร้างปัญหาด้านเสถียรภาพการคลัง มองไปข้างหน้ามีประเด็นจับตา ฐานะการคลังไม่แข็งแรงเหมือนก่อน ช่วงโควิดใช้เงินไปมากเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ที่ ธปท. อยากเห็น คือ การรัดเข้มขัด ให้ฐานะการคลังกลับมาสร้างเสถียรภาพ ที่ดูตอนนี้ยังมองไม่ค่อยเห็น หากปล่อยไปถามเดิม มีปัญหาความยั่งยืน รายจ่ายรัฐโต 4% รายได้โต 1.7% จะเสี่ยงถูกลดเครดิต” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ดังนั้นต้องเห็นภาพ มีการดำเนินการให้ไม่เกิดภาพอย่างนี้ ต้องไม่มีแผนการเพิ่มรายได้ ควบคุมการเติบโตรายจ่าย เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เสถียรภาพการคลังเป็นเรื่องใหญ่ เศรษฐกิจมีความเปาะบาง ทำให้มีการลดลง เสี่ยง การคลัง ดุลชำระเงิน หนี้แบงก์ ประเทศไทย สองกับสามดูโอเค ที่ใส่ใจเป็นพิเศษเรื่องการคลัง เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มาใหม่ ไม่เช่นนั้น ต้องใช้งบประมาณกระตุ้นจำเป็นแต่ทำให้คุ้มค่า
ผู้ว่า ธปท. ยอมรับถูกตำหนิ “เป็นห่วงชาวบ้านเขา แต่ของตัวเองไม่ทำไรเลย”
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ธปท. ถูกต่อว่า เป็นห่วงชาวบ้านเขา แต่ของตัวเองไม่ทำไรเลย จึงอยากบอกว่า ธปท. ดำเนินการเรื่องของ ธปท. มาตลอด ทั้งเรื่องการแก้หนี้ ทำได้ต้องใช้เวลา ต้องแก้ด้วยรายได้ที่ต้องเพิ่มขึ้น การรายได้ครัวเรือนจะเพิ่มขึ้น การเติบโตทางเศรษฐกิจต้องมีการขยายตัว
ขณะที่เรื่องของนโยบายการเงิน การลดดอกเบี้ย เรื่องหนี้ ธปท. ทำอยู่แล้ว เป็นแรงกดดันที่ต้องให้ทำอยู่แล้ว จากอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% ปัจจุบันมาอยู่ที่ 1.5%
ภาพรวมเศรษฐกิจ นโยบายรัฐบาลไม่ต่อเนื่อง
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ผมเป็นผู้ว่า ธปท. มา 5 ปี เจอนายกฯ มา 4 คน ทำให้เห็นนโยบายไม่ต่อเนื่อง ยอมรับว่าตอนนี้ ค่าเงินบาทแข็งมาก เทียบกับเพื่อนบ้าน 7% ไม่ดีกับการปรับตัวทางเศรษฐกิจ ธปท. ไม่อยากเห็น และไม่สอดคล้องกับทิศทางพื้นฐาน มีปัญหาไปผูกกับเรื่องทองคำ ทำให้ค่าเงินบาทแข็งกว่าเพื่อนบ้าน เมื่อทองราคาแพง คนมีทองก็ขายทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นไปอีก
ปัญหาดังกล่าว ธปท. ไม่ได้นิ่งนอนใจ มาตรการทำมาต่อเนื่อง เริ่มจากฝั่งนโยบายการเงิน ดอกเบี้ยลงมา 1.5% ไม่ได้เห็นผลกับค่าเงินชัดเจน
นอกจากนี้ ธปท. มีการประชุมกับร้านค้าทองคำ เพื่อลดผลกระทบการเทรดทอง หนึ่งในมาตรการที่หารือ คือมาตรการภาษี ให้เทรดเป็นเงินบาท แต่ผลสรุปจะทำไรต้องหารือ กระทบหลายคน หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ขั้นตอนการหารือ ท้ายที่สุดอยู่ที่ความเหมาะสมที่สุด ต้องใช้เวลา เป็นปัญหาที่อยู่กับเรามานาน
