บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดรู้ใจ (Hyper-Personalized Marketing) ที่เข้าถึงความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง ชูบริการเสริม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจพร้อมมอบสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ และอัตราค่าบริการสุดพิเศษ ที่ออกแบบมาเพื่อแต่ละธุรกิจโดยเฉพาะ เพื่อแบ่งเบาภาระต้นทุนของกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้า ภาคธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ ธุรกิจ SME ตลอดจนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สะท้อนความมุ่งมั่นในการเป็นพาร์ทเนอร์ที่พร้อมให้การสนับสนุนและเติบโตเคียงข้างธุรกิจไทยอย่างยั่งยืน
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากแนวโน้มของผู้ใช้บริการที่มีความต้องการใช้โซลูชันการอำนวยความสะดวกขนส่งที่หลากหลาย และรองรับสินค้าที่มีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น ไปรษณีย์ไทยได้ออกแบบโซลูชันการส่งให้สอดคล้องกับสินค้า แต่ละประเภทได้อย่างครอบคลุมด้วยแนวคิด Parcel Defined Logistics ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นใหญ่ ต้นไม้ ผลิตผลทางการเกษตร สัตว์น้ำสวยงามและพันธุ์ไม้น้ำ ยาและเวชภัณฑ์ สิ่งของควบคุมอุณหภูมิ เป็นต้น ตลอดจนบริการ EMS WORLD ส่งด่วนทั่วโลกครอบคลุมปลายทางกว่า 200 แห่ง
จากความสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรกของไปรษณีย์ไทยในปี 2568 ที่บริการ EMS มีรายได้เติบโตถึง 10% จากปี 2567 ไปรษณีย์ไทยจึงได้ต่อยอดความสำเร็จดังกล่าวผ่านการดำเนินกลยุทธ์ Hyper-Personalized Marketing หรือการตลาดแบบรู้ใจแบบเฉพาะบุคคลในบริการ EMS ส่งด่วนโดยมุ่งศึกษาข้อมูลความต้องการเชิงลึกของลูกค้ากลุ่มธุรกิจ ซึ่งพบว่าแต่ละธุรกิจมีความต้องการด้านการขนส่งและโครงสร้างต้นทุน ที่แตกต่างกัน กลยุทธ์ดังกล่าวจึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ไปรษณีย์ไทยเป็นมากกว่าผู้ให้บริการขนส่ง แต่คือ ‘พันธมิตรทางธุรกิจ’ ที่พร้อมนำเสนอโซลูชันที่ปรับให้เข้ากับลักษณะธุรกิจของลูกค้าแต่ละราย ได้อย่างแท้จริง โดยไปรษณีย์ไทยได้จัดทำ “โปรลับ” และ “แพ็กเกจ EMS ส่งด่วน” ที่ออกแบบและปรับแต่ง ได้อย่างเหมาะสมกับผู้ประกอบการแต่ละคน
สำหรับการออกแบบแพ็กเกจราคา EMS ส่งด่วน จะดำเนินการโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ ของไปรษณีย์ไทยที่ทำงานร่วมกับลูกค้าแบบใกล้ชิด โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรมการส่งพัสดุ ปริมาณ การใช้บริการ ความถี่ในการส่ง รวมถึงโครงสร้างต้นทุนของธุรกิจ มาเป็นเกณฑ์พิจารณาในการปรับแต่งโปรแกรมราคา ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนค่าขนส่งและสร้างความมั่นใจในการขยายตลาดมากขึ้น”
ดร.ดนันท์ กล่าวเสริมว่า นอกจากแพ็คเกจราคาที่ถูกออกแบบเฉพาะผู้ประกอบการแต่ละคน ไปรษณีย์ไทยยังได้สอดแทรกบริการเสริมเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ภาคธุรกิจที่มีปริมาณพัสดุจำนวนมาก อาทิ บริการเข้ารับฝากสิ่งของถึงที่ (Pick-up Service) และบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) พร้อมทั้งพัฒนาโซลูชันสำหรับกลุ่มสินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น ผลไม้เปลือกบาง และสินค้ามูลค่าสูง ให้สามารถ ส่งด่วนของมีมูลค่าได้อย่างสบายใจในวงเงินการคุ้มครองสูงสุด 50,000 บาท อีกทั้งยังมีบริการคลังสินค้าครบวงจร “THP Fulfillment เก็บ แพ็ก ส่ง” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการประหยัดเวลาจัดการรออเดอร์ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาและคำแนะนำด้านการขนส่ง-โลจิสติกส์แก่ผู้ประกอบการ โดยร่วมกันหาโซลูชันการจัดส่งที่คุ้มค่าเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและความพึงพอใจสูงสุด
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการแพ็กเกจราคาเฉพาะ และรูปแบบการให้บริการ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ไปรษณีย์ใกล้บ้าน โดยไปรษณีย์ในแต่ละพื้นที่จะมีทีมผู้ให้คำปรึกษาเข้ารับฟังความต้องการเพื่อออกแบบแพ็กเกจ พิเศษ รับทันทีสิทธิประโยชน์สุดคุ้มเพียงสะสมคะแนน POST Point สะสมง่าย โดยทุกการใช้จ่าย 30 บาท มีค่าเท่ากับ 1 คะแนน POST Point เพื่อนำไปแลกรับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ ส่วนลดพิเศษค่าบริการ ส่งสินค้าที่สาขาบริการในประเทศ-ระหว่างประเทศ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ไทย เพื่อความสะดวกสบาย ง่ายต่อการขนส่งสินค้า (*ยกเว้นบริการการเงิน สินค้าไปรษณีย์ และสินค้าฝากขาย) โดย 1,000 คะแนน POST Point แลกส่วนลดค่าขนส่งมูลค่า 100 บาท โดยสามารถแลกใช้สิทธิ์สูงสุดถึง 10,000 คะแนน เพื่อรับส่วนลดค่าขนส่งมูลค่า1,000 บาท อีกทั้งยังมี การพัฒนาสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตรงตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการ อาทิ ดีลของรางวัลพรีเมียม, E-Voucher จากห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, คูปองส่วนลดแทนเงินสดสำหรับเติมน้ำมัน, ส่วนลดสำหรับร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงสิทธิพิเศษอีกมากมายสำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://postfamily.thailandpost.com/benefit
