ธนาคารทิส เปิด 3 สินทรัพย์ สร้างกำไรช่วง Fed ลดดอกเบี้ย 

Date:

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ CFP®  Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 4.0–4.25% นับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 พร้อมส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดเพิ่มเติมอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ การลดดอกเบี้ยของ Fed ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน กระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน เพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก และยังเป็น “ตัวเร่ง” (Catalyst) สร้างโอกาสการลงทุนใหม่ ทั้งในตลาดหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตราสารหนี้โลกและสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่า 

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนช่วงที่ Fed ปรับลดดอกเบี้ยนั้น ธนาคารทิสโก้แนะนำลงทุนใน 3 สินทรัพย์ ดังนี้  

1. ธีมการลงทุนตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market : EM) +ญี่ปุ่น 

ธนาคารทิสโก้มองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อตลาดการลงทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets: EM) ที่มีมูลค่าหุ้น (Valuation) ยังอยู่ในระดับถูกกว่าเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว (Developed Markets: DM) โอกาสจาก Emerging Markets 

ธนาคารทิสโก้มองว่าเมื่อ Fed เข้าสู่รอบการลดดอกเบี้ย เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าจะเป็นอีกปัจจัยดึงดูดเม็ดเงินทุนไหลเข้าสู่ EM มากขึ้น ส่งผลให้ “หุ้นเอเชีย” โดยเฉพาะ ไทย จีน และอินเดีย กลายเป็นธีมเด่นในรอบนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น  โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจกลุ่มประเทศ EM จะเติบโต 4.1% ในปี 2568เทียบกับ DM ที่เติบโตเพียง 1.5% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียน EM จะขยายตัว 11.3% ในปี 2568 และเร่งขึ้นเป็น 14.7% ในปี 2569 สูงกว่าตลาด DM ที่โตเพียง 9.4% และ 11.3% ตามลำดับ ด้านมูลค่าหุ้น (Valuation) อยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยตลาดหุ้น EM มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward P/E) เพียง 13.8 เท่า ต่ำกว่า DM ที่ระดับ 20.3 เท่า หรือคิดเป็นส่วนลด (PE Discount) 32% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ทำให้ EM มีความน่าสนใจเชิงการลงทุนมากขึ้น 

มุมมองต่อญี่ปุ่น แม้ญี่ปุ่นจะถูกจัดอยู่ในตลาดพัฒนาแล้ว แต่ธนาคารทิสโก้มองว่ามีความน่าสนใจในเชิงโอกาสการลงทุนไม่ต่างจาก EM โดยคาดว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ขณะที่ Valuation ของดัชนี TOPIX อยู่ที่เพียง 16 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าตลาดหุ้น DM หลายประเทศ อีกทั้งแรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าและความคาดหวังต่อการปฏิรูปเชิงโครงสร้างยังเป็นปัจจัยสนับสนุน 

2. ธีมการลงทุนในตราสารหนี้โลก (Global Bonds) 

แม้ว่า Fed จะเพิ่งลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 9 เดือน และส่งสัญญาณอาจลดเพิ่มอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี แต่ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ได้สะท้อน (price-in) การผ่อนคลายนโยบายการเงินไปพอสมควรแล้ว ดังสะท้อนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ปรับลดลงมาต่อเนื่องและอยู่ใกล้ระดับ 4.10% ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ เริ่มมีทิศทางเร่งตัวขึ้น ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันให้ US Bond Yield มีโอกาสปรับขึ้นสู่ระดับ 4.50% ตามที่ TISCO ESU คาดการณ์ในช่วงที่เหลือของปี 2025 

ดังนั้น เรายังคงคำแนะนำการลงทุนในตราสารหนี้โลก ที่มีการกระจายความเสี่ยง (Global Diversification) ในหลายประเทศและยังให้ผลตอบแทนด้านอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 

3. ธีมการลงทุนทางเลือก (Alternative Investment) 

ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า นอกจากราคาทองคำจะมีแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจของทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกัน การถือครองทองคำไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเพื่อผลตอบแทนระยะสั้น แต่ยังช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนในระยะยาวอีกด้วย 

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

เอลตัน จอห์น เผยช่วงเวลา ‘ทองคำ’ แห่งชีวิต

สัมผัสอิทธิพลอันไร้กาลเวลา ของทองคำตลอดการเดินทางในวงการดนตรีของ เอลตัน จอห์น

“รมช.กลาโหม” ลุยชายแดนไทยกัมพูชา ดูแลความเป็นอยู่ทหาร

“รมช.กลาโหม” ลุยชายแดนไทยกัมพูชา เดินหน้า “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี” ยกระดับคุณภาพชีวิตทหารชายแดน

สำนักงานสลากฯ ครองแชมป์ ส่งรายได้พัฒนาประเทศ

สคร. รายงาน สำนักงานสลากฯ ครองแชมป์ ส่งรายได้พัฒนาประเทศ ปีงบประมาณ 2568 สูงสุดแตะ 5 หมื่นล้าน

เตือน ก่อสร้างไทย รับมือผู้รับเหมาจีนแห่แย่งงาน

เตือน ภาคก่อสร้างไทย รับมือให้ไหวกับการเข้ามาของผู้รับเหมาจีน พบเงินลงทุน 4 ปีที่ผ่านมาโต 21%