
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ของปี 2568 จะโตได้เกิน 1% จาก 5 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทยอยออกมาในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้
มาตรการแรกในวันที่ 7 ต.ค. นี้ คลังจะเสนอมาตรการคนละครึ่งพลัส วงเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท มีผู้ที่จะได้รับสิทธิถึง 20 ล้านคน เริ่มโครงการวันแรก 29 ต.ค. นี้
มาตรการที่สอง ในวันที่ 14 ต.ค. คลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง ให้นำรายจ่ายมาลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท หรือ 4 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างการสรุป ซึ่งคาดว่ามาตรการจะใช่ในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2568 ก่อนที่จะเข้าช่วงหน้าไฮซีซันของการท่องเที่ยว
มาตรการที่สาม เร่งการเบิกจ่ายของหน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ในส่วนของงบการจัดสัมนา ให้เร่งใช้ภายใน 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2569 โดยในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สามารถนำรายจ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า แต่มีเงื่อนไขว่า สามารถจัดสัมนนาพักในเมืองหลักหลักได้ แต่ต้องพ่วงการท่องเที่ยวเมืองรองในการเดินทางด้วย ซึ่งทั้งภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ มีงบในส่วนนี้สูงถึง 8,000 ล้านบาท หากเร่งใช้ได้ไวก็จะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจช่วงสุดท้ายของปีอย่างมาก
มาตรการที่สี่ จะให้ผู้ประกอบการกิจการโรงแรมที่พัก ในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง สามารถนำค่ารีโนเวทที่พักมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า เพื่อเตรียมพร้อมกับการท่องเที่ยวกับช่วงหน้าท่องเที่ยวไฮซีวันที่จะมาถึง
สำหรับมาตรการที่ห้า ครม. ได้เห็นชอบในการประชุมที่ผ่านมา โดยการให้เงินเพิ่มกับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. 2568 รวมเป็น 1,700 บาท เป็นวงเงินงบประมาณที่ใช้ 2.2 หมื่นล้านบาท ทำให้มีเงินกระจายเข้าสู่ระบบฐานรากเศรษฐกิจกระจายทั่วประเทศมากขึ้น
“เดิมมีการคาดการณ์กันว่า หากไม่ทำไรเลยเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีนี้จะโตได้ 0.3% แต่จาก 5 มาตรการที่คลังจะออกมาตามนโยบายเร็ว ใหญ่พอ และกระจายทั่วถึงยังมีวินัยการเงินการคลัง เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจไตรมาสุดท้ายขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 0.7% ทำให้เมื่อรวมกับฐานที่คาดไว้เดิม จะทำให้ขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 1%” นายเอกนิติ กล่าว