
วิจัยกรุงศรี เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณอ่อนแอลงชัดเจน คาดหนุนให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 8 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นนัดแรกภายใต้การกำกับของผู้ว่าการ ธปท. ท่านใหม่ (นายวิทัย รัตนากร) มีความเป็นไปได้ที่กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจากปัจจุบันที่ 1.50% สู่ 1.25%
ทั้งนี้ การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในช่วงต้นเดือนตุลาคมเสริมกับมาตรการการคลังระยะสั้นของรัฐบาลที่จะทยอยมีผลบังคับใช้เบื้องต้นตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนช่วยให้เศรษฐกิจรอดพ้นจากภาวะถดถอยทางเทคนิค
วิจัยกรุงศรี ยังประเมินว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น คาดช่วยประคองความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายในช่วงท้ายปี ล่าสุดรัฐบาลเตรียมดำเนินมาตรการเพิ่มกำลังซื้อแก่ประชาชนในช่วงปลายปี (เดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคม) จำนวน 33 ล้านคน วงเงินราว 6.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจำแนกเป็น (i) การเติมเงินเในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้ถือบัตรฯ 13.4 ล้านคน จากเดิม 300 บาทต่อเดือน เพิ่มให้อีกเดือนละ 850 บาท รวมเป็น 1,150 บาทเป็นเวลา 2 เดือน วงเงินรวม 2.2 หมื่นล้านบาท (ii) โครงการคนละครึ่งพลัส สำหรับประชาชนทั่วไปอายุ 16 ปีขึ้นไป จำนวน 20 ล้านคน วงเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศและการลงทุน รวมถึงการเพิ่มสภาพคล่องแก่ธุรกิจ SMEs
อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจข้างต้นคาดว่าจะช่วยพยุงความเชื่อมั่นและหนุนการใช้จ่ายในประเทศในปีนี้ให้ฟื้นตัวได้บางส่วน ขณะเดียวกันการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยว อาจช่วยหนุนให้จำนวนและรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับเพิ่มขึ้นได้บ้าง ปัจจัยบวกเหล่านี้จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการส่งออกที่อ่อนแรงได้ในระดับหนึ่ง โดยวิจัยกรุงศรียังคงคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งปี 2568 จะเติบโตที่ 2.1% อย่างไรก็ตาม การทยอยลดลงของผลเชิงบวกจากการเร่งส่งออกล่วงหน้า ประกอบกับผลเชิงลบที่มากขึ้นจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังอาจเติบโตชะลอลงเหลือ 1.3% จาก 3.0% ในช่วงครึ่งปีแรก