
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ไทยและสหรัฐอเมริกาได้สรุปผลแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา (Joint Statement on Framework for United States–Thailand Agreement on Reciprocal Trade) ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศผ่านเว็ปไซต์ของทำเนียบขาว เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสองประเทศที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า สร้างสมดุลทางการค้า และเป็นกรอบแนวทางการเจรจาความตกลงทางการค้าต่างตอบแทน ที่จะต้องเจรจาในรายละเอียดภายหลังจากนี้ โดยแถลงการณ์นี้มิได้มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่เป็นกรอบแนวทางที่ใช้ในการหารือร่วมกันต่อไป
นางศุภจีฯ ระบุว่า ร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของไทยและสหรัฐฯ ที่จะเดินหน้าเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างกัน โดยความตกลงดังกล่าวจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว โดยตั้งเป้าหมายที่จะสรุปผลการเจรจาภายในปลายปีนี้ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่า จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศทางธุรกิจที่ดี และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุน โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่ต่างมุ่งหวังจะเห็นความสำเร็จของการเจรจา ที่จะช่วยเสริมสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของรัฐบาลที่จะต้องเร่งดำเนินการให้บรรลุผล
“การสรุปแถลงการณ์ร่วมฯ ถือเป็นความคืบหน้าที่ดี และทั้งสองฝ่ายจะเดินหน้าเจรจารายละเอียดเพื่อสรุปผลในสิ้นปีนี้ ในส่วนของไทย ทีมเจรจามุ่งมั่นที่จะดำเนินการเจรจาอย่างรอบคอบในทุกมิติ ทั้งด้านมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศ ข้อมูลทางการค้า ผลกระทบต่อภาคการผลิต การส่งออก การลงทุน และการจ้างงาน รวมไปถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจโดยรวม โดยทีมเจรจาจะทำงานอย่างเต็มที่ในการเจรจาให้ได้ข้อสรุป เพื่อให้ประเทศไทยและทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์สูงสุด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
นางศุภจีฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กรอบการเจรจาที่จะพูดคุยหารือกับสหรัฐฯ ครอบคลุมประเด็นในด้านต่างๆ ที่จะส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันทั้งด้านภาษี มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี การค้าบริการ การลงทุน เศรษฐกิจดิจิทัล กฎถิ่นกำเนิดสินค้าและการป้องกันการหลบเลี่ยงอากร โอกาสในการจัดซื้อเชิงพาณิชย์ รวมไปถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจร่วมกัน
ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เป็นลำดับต้น เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทยและมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ขณะนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ในการเจรจา ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย
สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในปี 2567 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของไทย รองจากจีน มีมูลค่าการค้ารวม 74,484.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออก 54,956.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์และอุปกรณ์ และสหรัฐฯ เป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 4 ของไทย รองจากจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ด้วยมูลค่าการนำเข้า 19,528.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติ และเครื่องบิน




