คนไทยทำลายสถิติซื้อ ทองคำ ต่อเนื่อง

Date:

สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) เปิดเผยรายงานแนวโน้มความต้องการทองคำประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 โดยระบุว่าประเทศไทยมีความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพื่อการลงทุนสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2562 ขณะที่ความต้องการทองคำโดยรวมทั่วโลกจากทุกภาคส่วน (ซึ่งรวมถึงการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์[1] หรือ Over-the-counter: OTC) รายไตรมาสนั้นอยู่ที่ 1,313 ตัน หรือ 1.46 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นไตรมาสที่มีความต้องการสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์[2] 

การเติบโตที่สูงของความต้องการทองคำโดยรวมทั่วโลกจากทุกภาคส่วน เกิดจากความต้องการด้านการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3 แตะระดับ 537 ตัน โดยเพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็น 55% ของความต้องการทองคำสุทธิทั้งหมด[3] อัตราการเติบโตในอุปสงค์ทองคำได้รับแรงส่งจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความผันผวน การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และปรากฏการณ์ “FOMO” หรือความกลัวที่จะพลาดโอกาส ของนักลงทุนในช่วงที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น

คุณเซาไก ฟาน (Shaokai Fan) หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลก ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า “แนวโน้มตลาดทองคำในประเทศไทยยังคงไปในทิศทางบวก โดยความต้องการทองคำได้ทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องและสภาวะตลาดในปัจจุบันบ่งชี้ว่าอาจมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกด้านผลตอบแทนสำหรับนักลงทุนไทย โดยเฉพาะจากการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำที่มีความต้องการในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2562 รายงานของเราชี้ให้เห็นว่าตลาดทองคำในประเทศไทยยังไม่อิ่มตัว ดังนั้นการถือครองทองคำเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุนจึงยังคงเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ”

ด้านกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ทองคำ นักลงทุนทั่วโลกยังคงทยอยเพิ่มการลงทุนในกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ทองคำ ที่มีทองคำแท่งเป็นสินทรัพย์อ้างอิงอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สาม เพิ่มขึ้นอีก 222 ตัน คิดเป็นเงินไหลเข้าจากทั่วโลกรวมแล้วกว่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน กองทุน ETF ทองคำมีการเพิ่มสถานะการถือครองรวม 619 ตัน (มูลค่า 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยกองทุนที่จดทะเบียนในอเมริกาเหนือนำโด่งอยู่ที่ปริมาณ 346 ตัน ตามด้วยกองทุนในยุโรปอยู่ที่ 148 ตัน และกองทุนในเอเชีย 118 ตัน

ด้านทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพื่อการลงทุนทั่วโลกได้เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา รวมแล้วอยู่ที่ 316 ตัน โดยเห็นได้ถึงการเติบโตในเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินเดีย (92 ตัน) และจีน (74 ตัน) ตลาดทองคำในภูมิภาคอาเซียนเห็นถึงการเติบโตแบบเลขสองหลักเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ในปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2562 ตามที่ได้กล่าวข้างต้น

ในทางกลับกัน ความต้องการทองคำเครื่องประดับได้รับผลกระทบจากราคาทองคำที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 50 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้การบริโภคในไตรมาส 3 ลดลง 19% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าตลาดผู้บริโภครายใหญ่อย่างอินเดียและจีนจะมีการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปัจจัยตามฤดูกาล แต่ภาพรวมเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาของทั้งสองตลาดยังคงอ่อนแอ โดยแนวโน้มตลาดทองคำประเทศไทยได้เป็นไปตามนี้เช่นกัน แม้จะมีการเติบโตถึง 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ความต้องการโดยรวมสำหรับทองคำเครื่องประดับยังคงอ่อนตัวลงถึง -10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำของไทยที่แข็งแกร่งช่วยชดเชยความอ่อนตัวในตลาดเครื่องประดับ ส่งผลให้ความต้องการภาคผู้บริโภคโดยรวมของไทยเติบโตถึง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยปริมาณรวมในไตรมาส 3 อยู่ที่ 17.2 ตัน

ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 โดยมียอดซื้อสุทธิรวม 220 ตัน ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาส 2 และ 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ราคาทองคำจะสูงเป็นประวัติการณ์ก็ตาม เมื่อพิจารณาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน การซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 634 ตัน แม้จะต่ำกว่าระดับสูงสุดในช่วงสามปีที่ผ่านมา แต่ยังคงสูงกว่าระดับก่อนปี 2565 อย่างชัดเจน

อุปทานทองคำโดยรวมทำสถิติรายไตรมาสอยู่ที่ 1,313 ตัน เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตจากเหมืองแร่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 977 ตัน ในขณะที่การรีไซเคิลทองคำเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าอยู่ที่ 344 ตัน ซึ่งถือว่ายังคงมีเสถียรภาพแม้ราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้นก็ตาม

คุณหลุยส์ สตรีท (Louise Street) นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโส ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า “ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในไตรมาสที่สาม สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในปัจจัยต่าง ๆ ที่ผลักดันอุปสงค์ตลอดทั้งปี ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง รวมถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางนโยบายการค้าโลก ล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุนของตัวเอง”

“แนวโน้มของราคาทองคำยังคงเป็นบวก เนื่องจากการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของดอลลาร์สหรัฐ การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง และภัยคุกคามจากภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อ (stagflation) ซึ่งส่งผลให้ความต้องการในการลงทุนเพิ่มขึ้น ทองคำได้สร้างสถิติใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในปีนี้ และสภาพแวดล้อมปัจจุบันบ่งชี้ว่าราคาทองคำอาจมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีก” คุณหลุยส์ สตรีท กล่าวเสริม

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมใน รายงานแนวโน้มความต้องการทองคำไตรมาสที่ 3 ปี 2568 (Gold Demand Trends Q3 2025 Report) ซึ่งรวมถึงข้อมูลรายละเอียดที่ครอบคลุมจาก Metals Focus ได้ที่นี่

สภาทองคำโลก (World Gold Council) 

สภาทองคำโลกเป็นองค์กรสมาชิกที่สนับสนุนบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นองค์กรผู้สร้างอนาคตห่วงโซ่อุปทานทองคำที่มีความรับผิดชอบสำหรับทุกภาคส่วน ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราสร้างความเข้าใจผ่านการศึกษากรณีตัวอย่าง (Use Case) และความเป็นไปได้ของสินทรัพย์ทองคำ ผ่านการวิจัย บทวิเคราะห์ ความเห็น และข้อมูลเชิงลึกที่มีความน่าเชื่อถือ เราขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้ก้าวหน้า ผลักดันนโยบาย และสร้างมาตรฐานสำหรับตลาดทองคำที่มั่นคงและยั่งยืน 

สามารถติดตามข้อมูลและข่าวสารจากสภาทองคำโลก ได้ทาง X (Twitter) ที่ @goldcouncil และ LinkedIn 

[1] ความต้องการทองคำโดยรวม หมายถึงยอดปริมาณรวมทั้งจากการผลิตทองคำเครื่องประดับ การผลิตทองคำเพื่อใช้ในเทคโนโลยี ทองคำเพื่อการลงทุน รวมกับการซื้อสุทธิของธนาคารกลาง และการทำธุรกรรมแบบ Over-the-counter (OTC) หรือการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการซื้อขายที่เกิดขึ้นโดยตรงระหว่างคู่ตกลงสองฝ่าย ต่างจากการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ดำเนินการผ่านตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักอย่างเป็นทางการ

[2] จากชุดข้อมูลรายไตรมาสของ WGC ย้อนหลังไปถึงปี 2543

[3] สัดส่วนของการลงทุนในอุปสงค์ทองคำสุทธิ คำนวณจากปริมาณความต้องการด้านเครื่องประดับและเทคโนโลยีหลังหักปริมาณการรีไซเคิล รวมถึงความต้องการทองคำแท่งและเหรียญ กองทุน ETF และความต้องการจากธนาคารกลาง ซึ่งตามหลักการทางสถิติจะรายงานในรูปแบบมูลค่าสุทธิ

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

คนละครึ่งพลัส หยุดไม่อยู่ จ่อทะลุ 1.5 หมื่นล้าน

คนละครึ่งพลัส หยุดไม่อยู่ จ่อทะลุ 1.5 หมื่นล้าน คาดใช้สิทธิเต็ม 20 ล้านราย หลังยอดทะลุ 18 ล้านราย

ออมสิน ถวายความอาลัย พระพันปีหลวง

ออมสิน ถวายพวงมาลัย และลงนามถวายความอาลัย แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

แบงก์ชาติ ยกระดับมาตรการสกัดเงินเทา

แบงก์ชาติ ยกระดับมาตรการสกัดเงินเทาเข้มข้น ติดตามเส้นทางการรับโอนเงินต้องสงสัย และคุมเข้มผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้การกำกับทุกราย

กบข. เข้าถวายสักการะ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

กบข. เข้าถวายสักการะ และลงนามถวายความอาลัย สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง