นายกฯ อนุทิน “ระงับ” ปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา

Date:

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 พ.ย. ที่ห้องวิจิตรวาทการ ชั้น 3 สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 14/2568 ภายหลังเกิดเหตุการณ์ทหารไทย 4 นาย ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด บริเวณห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. และหน่วยงานความมั่นคงเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 3 ชั่วโมง 

ก่อนที่เวลา 10.55 น. นายอนุทิน เปิดเผยภายหลังการประชุมจะมีมาตรการออกมาตอบโต้กัมพูชาหรือไม่ หลังเกิดเหตุทหารเหยียบกับระเบิด ว่า ขอไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน หลังจากนั้นจะแถลงทุกอย่างเป็นทางการ เมื่อถามย้ำว่า จะมีการยกเลิกปฏิญญาสันติภาพไทย – กัมพูชาเลยหรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า “ระงับ”

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรอบระยะเวลาที่จะระงับไว้ นายอนุทิน ไม่ได้ตอบคำถามก่อนรีบเดินไปประชุม ครม. ที่ตึกบัญชาการ 1 ทันที

“รมว.กลาโหม” เผย “สมช.” ไฟเขียว ปฏิบัติการทางทหารกับกัมพูชา

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 พ.ย. ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม เปิดเผยผลการประชุม สมช.ว่า ที่ประชุมได้พิจารณา 3 เรื่องหลัก หลังจากกำลังพลของกองทัพไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ โดยได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ ส่วนเรื่องที่ 2 คือ การที่มีทุ่นระเบิดในพื้นที่อธิปไตยของไทย ถือว่ามีผลกระทบต่ออธิปไตย ส่วนเรื่องที่ 3 คือ รัฐบาลจะปกป้องอธิปไตย ชีวิตของคนไทย และทหารไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ โดยที่ประชุมมีมติระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาไว้ก่อนทั้งหมดทุกข้อ และยุติการส่งเชลยศึกให้กับกัมพูชา 

เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังสามารถคาดหวังความจริงใจจากกัมพูชาได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ทางกองทัพไม่ได้คาดหวังความจริงใจจากกัมพูชาอยู่แล้ว แต่ในส่วนที่กระทำเราฝ่ายเดียว เราจะดำเนินการในเขตอธิปไตยของไทย 

ส่วนจะมีการยกระดับมาตรการใด ๆ หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตอนนี้ก็ยกระดับแล้ว ในเมื่อเรายุติการปฏิบัติตามปฏิญญาแล้ว เป็นการปฏิบัติการทางทหารในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าจะมีปฏิบัติการอย่างไรบ้าง 

เมื่อถามว่าการเก็บกู้ระเบิดจะมีแผนการอย่างไร เพื่อไม่ให้กำลังพลได้รับผลกระทบ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิดมี 2 ระดับ คือ ระดับหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ มีขีดความสามารถในการเก็บกู้ได้เอง ที่ผ่านมาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตรงนั้น เป็นพื้นที่ที่ปฏิบัติการอยู่เป็นประจำ แต่หน่วยทหารที่ปฏิบัติการในพื้นที่สามารถเก็บกู้ทุ่นระเบิดได้ แต่การเก็บกู้ที่เป็นทางการได้มาตรฐานอย่างเต็มรูปแบบคือ การเก็บกู้โดยหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ซึ่งกองทัพไทยเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมี 5 พื้นที่ที่หน่วยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะเข้าไปเก็บกู้ ปัจจุบันเข้าปฏิบัติงานแล้ว 4 พื้นที่ เหลือ 1 พื้นที่ที่กัมพูชายังไม่ตอบรับ หลังจากนี้พื้นที่ที่ 5 จะเข้าเก็บกู้เลย 

เมื่อถามว่าจะมีการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างไร เช่น กรณีล่าสุดที่มีการแอบมารื้อรั้วลวดหนาม แล้วเข้ามาวางทุ่นระเบิดฝั่งไทย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ขอบอกรายละเอียด แต่มีกฎใช้กำลังอยู่ว่าเข้ามาทำอะไร ซึ่งจะมีขั้นตอนการเตือน การยิง จากอาวุธเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าหลังจากนี้การปฏิบัติการทางทหารได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม สมช. ให้ปฏิบัติการได้ตามสถานการณ์ 

เมื่อถามว่าจะมีการเจรจากับกัมพูชาอีกหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่มี หลังจากนี้ไม่มีจากตน จากกระทรวงกลาโหม ไม่มี GBC แต่การพูดคุยระหว่างประเทศมีกระบวนการสากลอยู่ 

ด้าน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ แถลงผลการประชุมว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการละเมิดปฏิญญาไทย-กัมพูชา ท่าทีของเราคือการระดับการปฏิบัติตามปฏิญญา แต่ส่วนไหนที่เราดำเนินการฝ่ายเดียวเช่นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดก็จะดำเนินการต่อ โดยกระทรวงการต่างประเทศ จะประท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามกรอบอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งตนได้คุยกับ นายปรัก สุคน รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศกัมพูชาแล้ว และบอกไปว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นเพราะเป็นการละเมิดสิ่งที่ตกลงกันไว้ รวมถึงชี้แจงกับสหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย ที่เป็นพยานว่าเหตุใดเราต้องระดับการดำเนินการตามปฏิญญา รวมถึงชี้แจงข้อเท็จจริงไปที่ประชาคมโลก โดยประสานไปทางกองทัพไทย และกองทัพบก เพื่อนำข้อเท็จจริงต่างๆไปชี้แจงเพื่อให้เกิดความหนักแน่นและชอบธรรม หากต้องการให้ปฏิญญากลับไปสู่สิ่งที่ควรจะเป็น จำเป็นที่ฝ่ายกัมพูชา ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นการแสดงความเสียใจ การตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆและมีมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย

เมื่อถามว่าหากกัมพูชาไม่รับผิดชอบจะมีมาตรการอะไรตอบโต้เพิ่มเติมหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้เราก็ระงับการปฏิบัติตามปฏิญญา เมื่อถามว่า เราประท้วงมาโดยตลอดครั้งนี้ก็ยังประท้วงอีกแล้วจะได้อะไรกลับมา นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เรายังคงต้องยืนยันที่จะประท้วงเพราะเป็นการละเมิดข้อตกลงที่เรามีอยู่ และให้ประชาคมโลกเกิดความเข้าใจเหตุที่เราต้องระงับปฏิญญาทุกข้อที่ลงนามไว้เช่นการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ เว้นแต่เก็บกู้ทุ่นระเบิดที่เราดำเนินการของเราเองได้ไม่ใช่การประท้วงอย่างเดียว และการประท้วงที่ว่าถือเป็นการประณามในคราวเดียวกันด้วย เมื่อถามว่ามาตรการที่ออกมาถือว่าเด็ดขาดสูงสุดแล้วใช่หรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูท่าทีการตอบสนองของกัมพูชา เราก็ต้องยกระดับความเด็ดขาดของเราได้ เมื่อถามว่ากัมพูชาชี้แจงว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่า นายสีหศักดิ์ กล่าวว่าเขาก็แสดงท่าทีเช่นนั้นมาแต่เราคิดว่าสิ่งที่ชี้แจงมาสำหรับประเทศไทยยังไม่เพียงพอและยังไม่พอใจ จากนี้คงต้องรอดูว่ากัมพูชาจะมีท่าทีอย่างไรต่อการตัดสินใจของเราในครั้งนี้เป็นขั้นเป็นตอน ส่วนการเจรจาเรายังไม่พูดถึงเพระไม่มีพื้นที่ในการพูดคุย เมื่อถามอีกว่าแต่ทางกัมพูชาแสดงท่าทีกังวลต่อการระงับปฏิญญามาแล้ว นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้เรามีท่าทีชัดเจนที่สั่งระงับและดำเนินการให้เขาแสดงความรับผิดชอบรอดูท่าทีของเราแล้วกัน ส่วนการปักหมุดชั่วคราวหลังจากนี้ก็ไม่มีเพราะเราระงับทุกการดำเนินการ

“บิ๊กเล็ก” ขออย่าฟังกัมพูชา ปมอ้างเป็นทุ่นระเบิดเก่า ยันของใหม่

เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 11 พ.ย. ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาแถลงการณ์ว่าทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเมื่อวันที่ 10 พ.ย.เป็นทุ่นระเบิดเก่า ว่า ไปฟังกัมพูชาทำไม ฟังพี่สิ เมื่อถามย้ำว่า หากเป็นทุ่นระเบิดใหม่ก็ดำเนินการเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ของใหม่ครับ

“ตรีนุช” คุยครม. ไม่ต่ออายุแรงงานกัมพูชา

วันที่ 11 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจัดการแรงงานกัมพูชาในประเทศไทย ภายหลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดอีกครั้งว่า ขณะนี้เรื่องแรงงานอาจได้รับผลกระทบบ้าง โดยเฉพาะแรงงานกัมพูชาที่อยู่ในภาคการเกษตร ซึ่งไทยพยายามหาแรงงานมาทดแทนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจากพม่า ลาว หรือเวียดนาม โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ จะมีการเสนอให้ที่ประชุมรับทราบแนวทางด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า แรงงานกัมพูชาที่อยู่ในประเทศไทยขณะนี้จะดำเนินการอย่างไร จะผลักดันออกนอกประเทศหรือไม่ น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง จึงต้องหารือใน ครม. แต่ยืนยันว่า สำหรับแรงงานที่ขาดแคลน ไทยจะหาแรงงานทดแทน และเร่งต่ออายุให้ทั้งแรงงานจากเวียดนาม ลาว และพม่า ให้อยู่ทำงานต่อได้ ซึ่งทั้ง 3 สัญชาตินี้เป็นแรงงานส่วนใหญ่ในประเทศไทย แต่ก็ยอมรับว่า ภาคเกษตรของไทยอาจได้รับผลกระทบบ้าง เนื่องจากส่วนใหญ่ใช้แรงงานกัมพูชา

เมื่อถามว่า แรงงานกัมพูชาในประเทศไทยมีจำนวนเท่าไหร่ น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ประมาณเกือบ 1 แสนคน ในจำนวนนี้ราว 9 หมื่นคน เป็นแรงงานถูกต้องตามกฎหมายแต่บัตรหมดอายุ หรือใกล้หมดอายุ ประกอบกับที่ผ่านมามีการปิดด่านชายแดน ทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ จึงตกค้างอยู่ในไทย

เมื่อถามว่า หากเจอแรงงานกัมพูชาที่บัตรหมดอายุ จะผลักดันออกนอกประเทศหรือไม่ น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง

เมื่อถามอีกว่า หากมีการผลักดันแรงงานกัมพูชาออกนอกประเทศ จะกระทบภาคการเกษตร ภาคประมง หรือภาคอุตสาหกรรมหรือไม่ น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ภาคประมงไม่ค่อยใช้แรงงานกัมพูชา ส่วนใหญ่ใช้ในภาคเกษตร โดยเฉพาะแรงงานตัดอ้อย

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีรับทราบปัญหาเหล่านี้แล้ว และได้มอบมาตรการรองรับไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งการนำแรงงานในศูนย์พักพิงจำนวนกว่า 4 หมื่นคนออกมาช่วยบรรเทาการขาดแคลน รวมถึงการเร่งปลดล็อกแรงงานเมียนมาและเวียดนาม ที่หมดอายุหรือใกล้หมดอายุ เพื่อให้เข้ามาทดแทนแรงงานกัมพูชาได้

น.ส.ตรีนุช กล่าวอีกว่า แรงงานที่เข้ามาทดแทนอาจมีทักษะไม่ตรงกัน แต่ด้วยมิติด้านความมั่นคง และความกังวลของประชาชน จึงเป็นเรื่องที่ต้องทบทวนอย่างรอบคอบ

นายกฯ ลั่นระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา จนกว่ากองทัพไทยจะเห็นเขมรไม่เป็นปฏิปักษ์

วันที่ 11 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เมื่อสักครู่ได้มีการแถลงข่าวแล้ว ให้คนทำงานเขาแถลงดีกว่า ซึ่งเมื่อช่วงเช้าได้ประชุม สมช. และตนกำลังจะเดินทางไปเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บ

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรอบระยะเวลาที่ระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา นานเท่าไหร่ นายกฯ กล่าวว่า จนกว่ากองทัพไทยจะเห็นว่าความเป็นปฏิปักษ์ของเขาไม่มีแล้ว เมื่อถามว่าหลายฝ่ายคาดหวังให้เราเป็นปฏิปักษ์ต่อกัมพูชาหรือใช้มาตรการที่รุนแรงและเด็ดขาดกว่านี้ นายกฯ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว

เมื่อถามว่าล่าสุดกัมพูชาออกมาแถลงว่าทุ่นระเบิดดังกล่าวกัมพูชาไม่ได้เป็นคนวาง นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยไม่มีระเบิดแบบนั้น เมื่อถามว่าจะมีการตอบโต้กัมพูชาอย่างไร เพราะการออกมาแถลงการณ์แบบนั้นเหมือนเป็นการให้ข่าวผิด นายกฯ ไม่ตอบคำถาม เมื่อถามว่าได้สั่งปลัดกระทรวงมหาดไทยตรวจพื้นที่บริเวณชายแดนด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตรวจ เดี๋ยวไปเองด้วย

เมื่อถามว่าการประท้วงของไทยเบาไปหรือไม่ เราต้องออกแถลงการณ์ประนามไปยังทั่วโลกถึงการกระทำดังกล่าวของกัมพูชาที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ลงนามปฏิญญากันไว้หรือไม่ นายอนุทิน ยิ้มแต่ไม่ตอบคำถาม เมื่อถามว่าเหตุใดนายกฯไม่แถลงเองอย่างเป็นทางการเพราะประชาชนรอฟังอยู่ นายกฯ กล่าวย้ำว่า ได้มอบหมาย รมว.กลาโหมและรมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว และท่านได้ทำหน้าที่ไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อถามว่านายกฯพอใจมาตรการของ สมช.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นไปตามมาตรการที่ได้วางแนวทางไว้ เมื่อถามว่าในใจนายกฯอยากให้มาตรการออกมาเข้มข้นกว่านี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นี่ก็เข้มข้นมากแล้ว เมื่อถามอีกว่าจะทำอย่างไรให้มีความเข้มข้นมากกว่านี้อีก นายกฯกล่าวว่า ตอนนี้เราไม่ได้ทำทั้ง 4 ข้อที่ได้ตกลงกันไว้ เราทำในสิ่งที่คิดว่าสมควรจะทำ เมื่อถามว่าการประชุม สมช.ได้ฟังท่าทีของกองทัพอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนให้ความคิดเห็นมาทั้งหมด

เมื่อถามว่าการที่ได้จับมือกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถือว่าเสียมือหรือไม่ นายกฯไม่ตอบคำถามดังกล่าว พร้อมเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที

นายกฯ สวมชุดชรบ. บิน ‘ศรีสะเกษ-อุบลฯ’ ขึ้นฐานภูมะเขือให้กำลังใจทหารแนวหน้า พร้อมเยี่ยม 2 ทหารเหยียบทุ่นระเบิด 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เดินทางออกจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง โดยสวมชุดเครื่องแบบกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน พร้อมด้วย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.)  น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เพื่อไปยังจังหวัดศรีสะเกษ ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองพันทหารราบที่ 162 (ร.16 พัน.2) ที่ฐานปฏิบัติการห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ 

จากนั้นนายกฯและคณะเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการอินทุมาน (ภูมะเขือ) อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน และตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองพันทหารราบที่ 11 ก่อนที่จะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ตำบลแสนสุข อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ห้วยตามาเรียน  และเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ในช่วงค่ำวันเดียวกัน

นายกฯ แสดงความเสียใจเหตุทหารบาดเจ็บจากกับระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

วันที่ 11 พฤศจิกายน  นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นในผืนแผ่นดินไทย พร้อมแจ้งที่ประชุม ครม. ถึงผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ช่วงเช้าที่ผ่านมา

โดยที่ประชุม สมช. มีมติให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศ “ระงับการดำเนินการตามถ้อยแถลงร่วม (Joint Declaration)” ที่ได้ลงนามไว้ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะคลี่คลายลง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมเพิ่มมาตรการทางทหารอย่างเข้มงวด เพื่อพิทักษ์รักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทักท้วงทางการทูต และสร้างความเข้าใจกับนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศผู้สังเกตการณ์ ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเร่งให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด เพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด รวมทั้งให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดซักซ้อมแผนรองรับกรณีเหตุฉุกเฉิน โดยนายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

แบงก์ชาติ สั่งตรวจเข็ม ธุรกรรมเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศ

แบงก์ชาติ ยกระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบธุรกรรมเงินตราต่างประเทศขาเข้า

สำนักงานสลากฯ เปิดเแผนปี 69 มุ่งเน้นช่วยสังคม

สำนักงานสลากฯ เปิดเแผนปี 69 ลดสลากใบเพิ่มดิจิทัล พร้อมมุ่งเน้นช่วยภาคสังคม

นายกฯ อนุทิน เผย ความสัมพันธ์เขมรต้องใช้เวลา

นายกฯ อนุทิน เผย ความสัมพันธ์เขมรต้องใช้เวลา ตอนนี้เอาเรื่องหยุดยิงก่อน ย้ำ แม้ให้คนชายแดนกลับบ้าน แต่ยังเฝ้าระวังอยู่ 

คลังขอ กกต. ตั้ง “ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์” เป็นผอ.ออมสิน

คลังส่งเรื่องขอ กกต. ตั้ง “ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์” เป็นผู้อำนวยการธนาคารออมสินคนใหม่