นายกฯ อนุทิน ประชุม นบข. ปรับโครงสร้างข้าวไทยครั้งใหญ่

Date:

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เวลา 15.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรองประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าว สมาคมโรงสีข้าว และผู้แทนภาคเกษตรกร อาทิ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า “ปีนี้สถานการณ์ตลาดข้าวโลกมีความผันผวนสูง แต่ก็เปิดโอกาสสำคัญให้ประเทศไทย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ท่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิงได้กราบบังคมทูลต่อหน้าพระพักตร์ว่า จีนจะซื้อข้าวไทย 500,000 ตัน นับเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อราคาข้าวไทย และเป็น “คำสั่งซื้อประวัติศาสตร์” ในวาระการฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย นอกจากนั้น ไทยยังตกลงขายข้าวและอาหารล่วงหน้าให้แก่สิงคโปร์ 100,000 ตัน ซึ่งยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นในข้าวไทย และตอกย้ำความจำเป็นที่เราต้องวางนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนา ควบคู่กับ การรักษามาตรฐานของสินค้าข้าวไทย อย่างจริงจัง“

นายอนุทินฯ กล่าวต่อว่า สำหรับที่ประชุม นบข. วันนี้ยึดหลักสำคัญ 3 ประการ คือ

1 ) บริหารจัดการราคาข้าวให้อยู่ในระดับเหมาะสม 2) เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของข้าวไทย ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และโลจิสติกส์ และ3) สร้างเสถียรภาพตลาด ทั้ง ตลาดภายในประเทศ และ ตลาดต่างประเทศ ควบคู่กันไป“

ด้านนายวิทยากร  มณีเนตร  อธิบดีกรมการค้าภายใน  กล่าวว่า ”ที่ประชุมมีมติทบทวนแนวทางดำเนิน “โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69” ให้เกษตรกรนำข้าวเปลือกเข้าฝากเก็บในยุ้งฉางเป็นระยะเวลา 1–5 เดือน ตั้งเป้าปริมาณ 3 ล้านตันข้าวเปลือก โดยทบทวนราคาสินเชื่อข้าวเจ้า ข้าวปทุมธานี และข้าวเหนียว ให้สอดคล้องกับราคาตลาดปัจจุบัน โดยเกษตรกรที่มียุ้งฉางของตัวเองจะได้ค่าฝากเก็บ 1,500 บาทต่อตัน“

นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการจัดทำมาตรการ ภายใต้กรอบแนวคิด “ข้าวไทยสู่เศรษฐกิจอนาคต” (New Rice Economy)  โดยมาตรการระยะสั้น เน้นการบริหารจัดการข้าวขาวที่มีส่วนเกิน ได้แก่ โครงการดูดซับข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 เป้าหมาย 3 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินจ่ายขาด 1,680 ล้านบาท เพื่อดูดซับซัพพลายในตลาด และระบายออกอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ตลาด และมีแผนนำข้าวเปลือกไปแปรรูปเป็นข้าวสารบรรจุถุง 

จำหน่าย เพื่อเชื่อมโยงไปยังหน่วยงานที่มีความต้องการใช้จริง อาทิ กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) หน่วยงานกองทัพ และหน่วยงานรัฐอื่น ๆ

ควบคู่กันที่ประชุมยังได้เห็นชอบเดินหน้า มาตรการระยะยาวเพื่อปรับปรุงโครงสร้างการผลิต โดยเฉพาะการ ศึกษาการปรับเปลี่ยนพื้นที่การเพาะปลูกข้าวนาปรังบางส่วน เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และความต้องการของตลาด กำหนดกรอบไว้ที่ 1,000,000 ไร่ โดยที่ประชุมมอบหมายให้มีการพิจารณากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบก่อนดำเนินการ รวมถึงการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับปรุงคุณภาพ โดยปรับเปลี่ยนไปสู่การผลิตข้าวคุณภาพสูงหรือข้าวประณีต เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิต ช่วยให้มีตลาดรองรับ และสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับความโดดเด่นของข้าวไทยมากยิ่งขึ้น เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ข้าวที่มีอัตลักษณ์อื่น ๆ โดยกำหนดเป้าหมายเป็นกลุ่มเกษตรกร 200 กลุ่ม วงเงินจ่ายขาด 120 ล้านบาท และการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวตามความต้องการของตลาด ซึ่งในพื้นที่ภาคกลางยังขาดข้าวคุณภาพสูงที่มีความหลากหลาย เพื่อนำมาปลูกทดแทนข้าวพื้นแข็ง โดยมอบหมายให้กรมการข้าว ไปศึกษาเพิ่มเติมให้เกิดความเหมาะสมต่อไป 

กรมการค้าภายในยังเดินหน้า “ตลาดนัดข้าวเปลือก” ทั่วประเทศจำนวนไม่น้อยกว่า 30 จุด ครอบคลุมกว่า 40 จังหวัด เพื่อเปิดพื้นที่ให้โรงสี–ผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อข้าวจากเกษตรกรใน ราคานำตลาด ช่วยเพิ่มช่องทางจำหน่ายและดึงราคาในพื้นที่ให้ขยับขึ้นตามกลไกความต้องการจริง

นายวิทยากรระบุว่า ทิศทางราคาข้าวในปีนี้มีสัญญาณเชิงบวกจากทั้งมาตรการบริหารจัดการภายในประเทศ และการเร่งรัดการส่งออก โดยนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย รายงานว่า จากเป้าหมายส่งออกเดิมที่ 7.5 ล้านตัน คาดว่าประเทศไทยจะสามารถส่งออกได้สูงถึง 8–9 ล้านตัน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาข้าวในประเทศมีโอกาสขยับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับสถานการณ์ข้าวโลกและข้าวไทย ปี 2568/69 โดยคาดว่าราคาข้าวโลก ปีการผลิต 68/69 จะถูกกดดันจากสต็อกข้าวอินเดียที่เพิ่มขึ้น มากกว่าที่คาดการณ์ การระงับการนำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์ การชะลอนำเข้าข้าวไปจนถึงปี 2569 ของอินโดนีเซีย แต่ยังมีปัจจัยบวกช่วยหนุนราคาข้าว เช่น ผลผลิตข้าวในเวียดนามได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ขณะที่ความต้องการซื้อข้าวหอมมะลิจากตลาดต่างประเทศยังมีต่อเนื่อง 

สำหรับปัจจุบันในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 ราคาข้าวหลายพื้นที่ขยับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเกษตรกร โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ อยู่ที่ 14,300 – 15,800 บาทต่อตัน ข้าวขาว อยู่ที่ 6,100 – 6,800 บาทต่อตัน ขณะที่ข้าวชนิดอื่นๆ ก็เริ่มปรับราคาสูงขึ้นเช่นเดียวกัน 

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

AOT จับมือ กรุงไทย ยกระดับบริหารการเงินด้วย Krungthai BUSINESS

AOT จับมือ กรุงไทย เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรดิจิทัลเต็มรูปแบบ ยกระดับการบริหารจัดการทางการเงินด้วย Krungthai BUSINESS

กบข. ตอกย้ำยุทธศาสตร์ “เกษียณมีสุข“ สร้างความเข้าใจสมาชิก

กบข. ตอกย้ำยุทธศาสตร์ “เกษียณมีสุข“ สร้างความเข้าใจสินทรัพย์แก่สมาชิก พร้อมเปิดตัวแผนเกษียณสบายใจ ตอบโจทย์สมาชิกใกล้เกษียณ

EXIM BANK ร่วมบรรยายหลักสูตร ESG Leadership

EXIM BANK ร่วมบรรยายหลักสูตร ESG Leadership ส่งเสริมการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน

 “กกร. และเพื่อน ไม่ทน” คอร์รัปชัน ในประเทศไทยอีกต่อไป

“กกร. และเพื่อน ไม่ทน” รวมพลังเครือข่ายร่วมกับเอกชนต่อต้านคอร์รัปชัน สร้างประเทศไทยโปร่งใสแข่งขันได้  พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกอย่างยั่งยืน