
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว. มหาดไทย เปิดเผบว่า การพูดคุยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นคนตรงไปตรงมา พูดเปิดเผยไม่มีอะไรแอบแฝง ไม่ได้เป็นการต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่บอกว่าไทยต้องการเห็นอะไร
ซึ่ง นายโดนัลด์ ทรัมป์ กังวลการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เนื่องจากไทยบอกว่าถ้ากัมพูชาละเมิดปฏิญญานี้ไทยก็ระงับการดำเนินการทางปฏิญญา คำว่าระงับไม่ใช่ยกเลิก แต่คำว่าระงับไม่ใช่การไม่เก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่ยังคงเดินหน้าเก็บทุ่นระเบิดต่อไปตามการตัดสินใจของไทย ต่างจากก่อนหน้านี้ต้องพร้อมทั้ง 2 ฝ่ายก่อนเข้าไป แต่ตอนนี้ไทยเข้าไปเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งตรงกับสิ่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯต้องการ
เมื่อถามว่าได้มีการถามหรือไม่ว่าการเจรจาภาษีกับเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาไม่เอามารวมกัน นายกฯ กล่าวว่า ตนได้พูดเรื่องนี้และถามกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา รวมถึงคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่หนังสือที่ออกมาจากโดยผู้แทนการค้าสหรัฐฯ(ยูเอสทีอาร์) ออกมาก่อนที่ตนจะพูดคุยกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ แต่อย่าไปซีเรียสกับเรื่องรายละเอียด ของพวกนี้มันปรับเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลา อย่างที่ตนบอกอย่าไปซีเรียส ตนเห็นว่ามีคนบอกนายกฯ พูดอย่างนี้นะ วันนั้นสถานการณ์เป็นอย่างนั้น นายกฯ ก็ต้องพูดอย่างนี้ แต่พอมาถึงวันนี้สถานการณ์มันปรับเปลี่ยนไป เราก็ต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ แต่การปรับเปลี่ยนนั้นต้องเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศของเรา ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญ
เมื่อถามว่า สหรัฐอเมริกาและมาเลเซียในฐานะสักขีพยาน มีสัญญาณบวกอะไรหรือไม่ที่จะให้ทางกัมพูชาขอโทษไทยกรณีที่ทหารไทยขาขาด นายกฯกล่าวว่า เราแจ้งความประสงค์ของเราให้เขาทราบแล้วว่าให้ขอโทษและเสียใจ ซึ่งตอนนี้ได้เสียใจมาแล้ว เหลือขอโทษ ก็ต้องค่อยๆ
เมื่อถามอีกว่าตอนนี้ประเทศไทยยังมีความหวังว่าภาษีสหรัฐฯจะลดลงจาก 19% ใช่หรือไม่ หากการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นไปตามเป้า นายกฯกล่าวว่า ในความเป็นประเทศไทย ตรงไหนที่มีโอกาส เพราะการที่เราให้ความร่วมมือตลอดเวลา อย่างกรณีที่สหรัฐฯเกิดความไม่เข้าใจในประเทศเรา คิดว่าเราไม่ได้ปฏิบัติตาม หรือไม่ได้ทำตามที่เขาคิด เขาก็จะมาในลักษณะเดี๋ยวจะกระทบภาษีนะ เราก็แค่พูดว่า ในเมื่อมันไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าไม่ทำตามก็ขึ้น ถ้าทำตามลดหรือไม่ มันเป็นสิทธิ์ของเราในการเจรจาต่อรอง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเจรจาต่อรอง เขาต้องต่อรองผลประโยชน์ของเขา เราต้องต่อรองประโยชน์ของเรา เพื่อแสวงจุดร่วมกันให้ได้
เมื่อถามถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงสหรัฐฯจะดำเนินการอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เขาก็ต้องไปพูดคุย เขาเป็นพยาน ซึ่งการละเมิดคือละเมิดต่อไทย เราได้แจ้งท่าทีอย่างชัดเจนแล้วตาม 11 ข้อ
เมื่อถามอีกว่า เมื่อไทยแสดงท่าทีแล้ว แต่สหรัฐฯจะระงับการเจรจาภาษีกับไทย นายกฯกล่าวว่า ก็อาจจะเป็นความเข้าใจที่ผิด เขาชี้แจงแล้วก็ไม่ระงับการเจรจา ซึ่งเรามีหน้าที่ในการชี้แจง เพราะคนนั้นพูดทีคนนี้พูดที มันก็เกิดความสับสนได้ สิ่งที่เราทำอยู่ขอให้ยึดมั่นอยู่ในประโยชน์ของประเทศไทยให้มากที่สุด และประโยชน์ของประชาชนไทยให้มากที่สุด ซึ่งการเจรจาการค้าจะต้องทำให้ต้นทุนของประชาชนคนไทยน้อยที่สุด และการเจรจาเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศต้องมั่นใจว่าความปลอดภัยของประชาชนไทยต้องสูงที่สุด มันก็มีหลักของมันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามไทยมีจุดยืนของเราอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าความที่กัมพูชายังเป็นปรปักษ์กับไทย หากต้องจับมือกับผู้นำกัมพูชาเหมือนที่ประเทศมาเลเซียจะจับมือกันหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เรื่องสัมผัสมือมันเป็นเรื่องมารยาท ตนเจอฝ่ายค้านก็ยิ้มและสวัสดีทุกคน เรื่องมารยาทส่วนมารยาท แต่หลักการต่างคนต่างมี กองทัพไทยก็บอกแล้วว่าจะกลับมาดำเนินการตามปฏิญญาได้ก็ต่อเมื่อความเป็นปรปักษ์ของกัมพูชามันไม่มีภัย แต่ความมั่นคงของชาติ คือเขาก็พูดชัดเจนของเขาอยู่แล้ว รัฐบาลก็ต้องไปตามนั้น ไปเห็นเป็นอย่างอื่นมันไม่ได้




