
วันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ที่ประชุม ได้วางกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2570 ไว้ที่ 3.788 ล้านล้านบาท ภายใต้รายได้สุทธิ 3 ล้านล้านบาท ทำให้ขาดดุล 788,000 ล้านบาท หรือขาดดุล 3.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) เป็นการจัดทำงบประมาณที่ลดสัดส่วนการขาดดุลลงจากปีงบประมาณ 2569 ที่ขาดดุล 4.4% ของจีดีพี พร้อมวางกรอบว่าในปีต่อๆไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี คือ การเดินหน้ายุทธศาสตร์ลดการขาดดุลลงทุกปี โดยปีงบประมาณ 2571-2573 จะขาดดุล 3.3% 2.7% 2.1% ตามลำดับ
“นายกฯ แสดงความกังวลว่าปฏิทินงบประมาณอาจล่าช้ารัฐบาลจึงตั้งเป้าให้งบประมาณปี 2570 เริ่มใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.2569 โดยหากเกิดความล่าช้าจริงในกรณีแย่ที่สุด คาดว่าจะไม่เกินครึ่งเดือนถึง 1 เดือน ซึ่งยังน้อยกว่าความล่าช้า 8 เดือนที่เกิดขึ้นของปีงบประมาณ 2566 ”นายภราดร กล่าว
นายภราดร กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันที่ประชุมเน้นเร่งรัดเบิกจ่ายงบที่ค้างคา โดยเฉพาะงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลชุดก่อนอนุมัติรวม 157,000 ล้านบาท มีการใช้จ่ายจริงแล้วประมาณ 110,000 ล้านบาท ปัจจุบันงบทั้งหมดได้มีการเซ็นสัญญาเรียบร้อย รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงต้องผลักดันให้หน่วยงานที่ได้รับงบเร่งดำเนินการ เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนลงสู่ระบบทันตามเป้าหมาย
นายภราดร ยังกล่าวถึงงบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของปีงบประมาณ 2569 ด้วยว่า มีอยู่ราว 70,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำจำนวนหนึ่งมาใช้ในโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 2 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ใน เดือนม.ค.2569 โดยเดือนธ.ค.นี้จะประเมินวงเงินที่จะใช้ให้ชัดเจน เนื่องจากมีเงินที่เหลือจากโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 1 จากผู้ลงทะเบียนจำนวนหนึ่งไม่ได้ใช้สิทธิ์ทันกำหนด คาดว่ายังเหลืออยู่ประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้นำบางส่วนไปทำโครงการอัพสกิล–รีสกิลผู้ประกอบการคนละครึ่ง พลัส 800 ล้านบาท ส่วนที่เหลือราว 5,000 ล้านบาทจะถูกรวมกับงบใหม่สำหรับเฟส 2 ซึ่งอาจมีขนาดใกล้เคียงเฟส 1 ที่ใช้วงเงินกว่า 40,000 ล้านบาท




