นายกฯ อนุทิน ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แก้น้ำท่วมใต้

Date:

เมื่อเวลา 12.55 น.วันที่ 25 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ว่า วันนี้เราจะมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลา และได้มอบให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.)เป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ คือการบูรณาการความช่วยเหลือทั้งหมดในการสั่งการ ในการอนุมัติ และในการคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานทุกอย่างมีความเบ็ดเสร็จอยู่ในนั้น

เมื่อถามว่าสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่บางจุด การช่วยเหลือเข้าไม่ถึงประชาชน ไม่รู้จะร้องขอความช่วยเหลืออย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ที่พื้นที่มีทุกหน่วยงานระดมความช่วยเหลือประชาชนอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว และเรากำลังกระจายคนเข้าไปรับพี่น้องประชาชนในทุกที่ตอนนี้ โดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้อำนวยการบริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.)  พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม  นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม  ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส และพล.อ.ณัฐพล อยู่ในพื้นที่แล้ว ส่วนนายพิพัฒน์กำลังเดินทางลงพื้นที่ เมื่อถามว่า จำเป็นต้องกางพื้นที่ดูเลยหรือไม่นายกฯ กล่าวว่า อยู่ในการปฏิบัติ ซึ่งเขากำลังทำหน้าที่อยู่ 

เมื่อถามย้ำว่าในเรื่องของกรมอุตุนิยมวิทยามีอะไรต้องแจ้งเตือนหรือไม่ เพราะปริมาณน้ำขึ้นสูง นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เราก็ต้องไปบริหารสถานการณ์เรื่องการระบายน้ำ ทำหลายอย่างควบคู่กันไปและเรื่องของอาหาร เรื่องของการดำรงชีพทุกอย่างตอนนี้มีความพร้อมหมด ทางเหล่าทัพได้จัดเตรียมยานพาหนะต่างๆทั้งเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ เรือ และรถ ระดมกันลงไปช่วยเหลือพี่น้องในพื้นที่เกิดเหตุ เมื่อถามอีกว่าความล่าช้าก่อนหน้านี้เป็นเพราะอะไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ล่าช้า ในการปฏิบัติไม่ล่าช้า เมื่อถามอีกว่ามันติดขัดเรื่องอะไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ติดขัด ทำงานกันอย่างเต็มที่ ในช่วงที่มันเกิดเหตุใหม่ๆทุกคนต้องกระจายกำลัง กระจายทรัพยากรกระจายกำลังพลลงไปช่วยเหลือชีวิต ความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรกก่อน ตอนนี้เมื่อเราทราบปัญหาหลายเรื่องแล้ว เราถึงมาเร่งจัดตั้งกองบัญชาการทั้งส่วนหน้า ส่วนสนับสนุนและใช้พระราชกำหนด(พ.ร.ก.)สถานการณ์ฉุกเฉินในการกำกับดูแล เมื่อถามอีกว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลตั้งวอร์รูมศูนย์เผชิญเหตุค่อนข้างช้า นายกฯย้อนถามว่า ใคร รัฐบาลไม่ได้ช้า แล้วแต่เขา คนทำงานไม่ได้ช้า 

เมื่อถามว่า ความรู้สึกของประชาชน ณ ขณะนี้ อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือ นายกฯ กล่าวว่า ช่วยเหลือเต็มที่ ตอนนี้ทุกอย่างที่ช่วยเหลือประชาชนระดมลงไปอย่างเต็มที่ งบประมาณ ทรัพยากร และการสนับสนุนจากทุกองค์กรที่รัฐบาลกำลังดูแลอยู่ รวมถึงความร่วมมือที่เราได้จากทางองค์กรต่างๆ ภาคเอกชน เราสนับสนุนลงไปเต็มที่

เมื่อถามว่าสถานการณ์ใน 3 โรงพยาบาลถือว่าวิกฤติแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ต้องทำงานร่วมกัน เพราะน้ำทำลายวงจรไฟฟ้าต่างๆ แต่เรามีรถปั่นไฟ ทั้งของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)เข้าไปสแตนด์บายรออยู่ และระดมคนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในภาคส่วนอื่นๆลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่างไฟ ให้มีความมั่นใจว่าในสถานที่ ที่ต้องดูแลผู้ป่วยจะต้องมีไฟฟ้าโหลดไว้อยู่ตลอดเวลาและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจะต้องวางแผน โดยทางแพทย์บอกว่าผู้ป่วยไอซียูไม่ใช่จะเคลื่อนย้ายกันง่ายๆ ฉะนั้นถ้าเราสามารถที่จะทำให้ มีสาธารณูปโภคที่ใช้งานได้อยู่ตลอดเวลาเราก็ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้าย

เมื่อถามว่าทางหน่วยงานมีข้อมูลที่จะเข้าไปช่วยอพยพประชาชน แต่ละพื้นที่มีกี่จุดและยังมีประชาชนตกค้างจำนวนเท่าไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ในรายละเอียดจะให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แถลง มันมีหลายหน่วยงาน หลายภารกิจ เดี๋ยวจะตั้งเป็นคณะโฆษกที่จะแถลงเหตุการณ์ในแต่ละวันเหมือนสมัยที่เราทำช่วงสถานการณ์โควิด-19 กำลังดำเนินการอยู่ โดยวอร์รูมจะเซ็ตไว้ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ใช่วอร์รูมเป็นศูนย์ปฏิบัติการที่เราจะเชื่อมต่อกับทางหน่วยงานส่วนหน้า โดยหน่วยงานต่างๆได้ลงไปจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติงานแล้ว แต่คนที่จะรวบรวมการดำเนินงานทั้งหมดคือผู้อำนวยการสถานการณ์

เมื่อถามต่อว่าตอนนี้รัฐบาลยังควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ใช่หรือไม่ ไม่มีอะไรเกินมือใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เราก็ควบคุมสถานการณ์ และไม่ใช่แค่ควบคุมอย่างเดียว แต่ดำเนินการช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ องคาพยพทั้งหลายก็ระดมไปอยู่ในพื้นที่หมดแล้ว

เมื่อถามอีกว่ารัฐบาลจะบอกแผนให้ประชาชนรับทราบได้หรือไม่ว่าตรงไหนปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย นายกฯ กล่าวว่า หน้างานเขาจะต้องไปดำเนินการให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างที่สุด ตอนนี้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)อยู่ในพื้นที่ และตอนนี้ยกระดับขึ้นมาเป็นภัยระดับที่ 4 ซึ่งตรงนี้เท่ากับว่าปภ.ซึ่งตนจะมอบหมายปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ เพราะความจริงจะต้องเป็นรมว.มหาดไทย แต่รมว.มหาดไทย บัญชาการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่แล้ว จึงให้ปลัดให้กระทรวงมหาดไทยทำหน้าที่ในด้านงานของกระทรวงมหาดไทยที่สามารถขอความร่วมมือหรือสั่งการข้ามหน่วยได้

เมื่อถามต่อว่ามีเดตไลน์หรือไม่ว่าจะต้องเอาคนออกมาให้หมดภายในวันไหม นายกฯกล่าวว่า เดตไลน์ไม่มีหรอก เราต้องพยามเอาคนออกมาจากบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สถานการณ์หากที่คลายลง ต้องเร่งเข้าไปฟื้นฟูดูแลและทำให้เขาเกิดความมั่นใจว่าในช่วงที่เขากำลังกลับเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเรือนของเขาต้องมีเครื่องยังชีพให้เขาด้วย

เมื่อถามว่าในหลวงทรงมีพระราชกระแสห่วงเรื่องการอพยพคน นายกฯ กล่าวว่า ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งมาและได้พระราชทานสิ่งของเครื่องใช้ให้ไปดูแลด้วย ส่วนในเรื่องของการระดมสรรพกำลังต่างๆ พาหนะ เครื่องมือต่างๆตรงนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่เราได้เร่งดำเนินการไปแล้ว

เมื่อถามต่อว่าต้องกำหนดกรอบให้สั้นลงหรือไม่ในการช่วยเหลือประชาชน นายกฯ กล่าวว่าทุกอย่างต้องทำแข่งกับเวลาอยู่แล้ว ส่วนได้ประเมินสถานการณ์น้ำ และเรื่องปริมาณฝนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีตลอด สถานการณ์ตอนนี้ที่นั่นก็รอการระบายน้ำออกไปให้เร็วที่สุด ถ้าไม่มีฝนเติมมา และฝนวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน ฉะนั้นถ้าไม่มีฝนเติมเข้ามาและไม่มีน้ำไหลมาจากที่อื่น เพราะอำเภอหาดใหญ่เป็นแอ่งกระทะ มันก็จะค่อยๆระบายมวลน้ำที่อยู่ในเมืองออกไปได้ เมื่อถึงระดับที่เราเข้าไปให้การช่วยเหลือ โดยไม่มีอุปสรรคใดๆแล้ว เราก็ระดมเรื่องการช่วยเหลือเข้าไปอย่างเต็มที่ 

เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้ปริมาณน้ำจะลดลงใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ถ้าไม่มีฝนเติมเข้ามา และตอนที่ไปลงพื้นที่เมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เขาบอกว่าฝนจะหยุดแล้วเป็นช่วงฝนท้ายๆ แต่มันก็กลับมาอีก ตรงนี้เขาเรียกพยากรณ์อากาศ ตอนนี้เราเน้นเรื่องการรับมือให้การช่วยเหลือประชาชนและเป้าหมายตอนนี้การช่วยเหลือ ช่วยชีวิต และสร้างความปลอดภัย ให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยให้มากที่สุดก่อน

เมื่อถามว่านายกฯจะลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์อีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ตนคิดว่าจะติดตามอยู่ที่นี่ เพราะมีบุคลากรที่อยู่หน้างานสั่งการและมีอำนาจโดยตรงอยู่ในพื้นที่เต็มแล้ว ที่ตนลงไปในพื้นที่ 2 วันแรกเพื่อจะได้เห็นสภาพ ซึ่งเวลามารับฟังรายงาน พอเห็นภาพก็มอบหมายงาน สั่งงานได้คล่องตัวขึ้น ตอนนี้ภาพ 2 วัน ที่ตนได้ลงพื้นที่ไปอยู่ตรงนั้น ก็พอเห็นสภาพความเสียหาย ทำให้สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น

เมื่อถามย้ำว่าตกลงคนที่มีอำนาจตัดสินใจในพื้นที่เป็นของผบ.ทสส.หรือร.อ.ธรรมนัส นายกฯ กล่าวว่า  ร.อ.ธรรมนัส ถ้าเขาไปเจอหน้างาน อย่างเช่น ถ้าผ่านไปโรงพยาบาล สมมุติว่าเกิดเหตุการณ์ไฟดับ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับกระทรวงท่าน ท่านก็สามารถสั่งการได้เลย เพราะท่านทำในฐานะรัฐบาลคือนายกฯเป็นคนสั่งการ ตนบอกแล้วรัฐมนตรีทุกคนสั่งการเปรียบเสมือนนายกฯสั่งการ ก็ช่วยกันสั่งการไป ไม่ใช่อำนาจอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนอยู่หน้างานสามารถสั่งการได้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป้าหมายคือความปลอดภัยของประชาชน ส่วนผบ.ทสส. ทำหน้าที่บูรณาการทั้งหมดและย้ำว่าอำนาจไม่ได้ซ้ำซ้อนกัน ตอนนี้เมื่อทุกคนกระจายความช่วยเหลือไปหมดแล้ว เดี๋ยวเขาจะมารายงานสถานการณ์ความเป็นไปต่างๆ ซึ่งผบ.ทสส.ในฐานะผู้อำนวยการสถานการณ์ ก็จะรวบรวมสถานการณ์ทั้งหมดและจัดหน่วยงานความรับผิดชอบไปตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ รัฐบาลกับ ผบ.ทสส.เป็นคนเดียวกัน และบูรณาการ การทำงานร่วมกันภายใต้กฎหมาย

เมื่อถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้อำนวยการ แต่กลับไม่มีแผนบริหารจัดการ และในการประชุมแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ร.อ.ธรรมนัส ทำไมไม่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยจังหวัดสงขลา แต่ไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกฯ กล่าวว่า “ คุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไร เขาลงไปคนแรกเลย ลงไปถึงก่อนผมอีก ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย ร.อ.ธรรมนัสลงไปพร้อมกับอธิบดีกรมชลประทาน และอธิบดีกรมชลประทานยังอยู่ในพื้นที่ เพื่อบัญชาการเรื่องการระบายน้ำ ขณะนี้ยังไม่ได้กลับ และช่วงที่ตนลงพื้นที่ก็ได้หารือกับอธิบดีกรมชลประทาน  และ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ร.อ.ธรรมนัส พยายามลงพื้นที่ แต่ฟ้าปิด ทำให้เครื่องบินไม่สามารถลงได้ และท่านบอกกับตนว่าจะรีบลงไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้“ 

“อนุทิน” ยกเลิกภารกิจงานนอกทำเนียบฯ-ต่างจังหวัด-ต่างประเทศ‘ ทั้งสัปดาห์ อยู่บัญชาการน้ำท่วมสงขลาด้วยตัวเอง

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้ยกเลิกวาระงานเวลา 13.00 น. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยมอบหมายให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมแทน และงานเวลา 15.00 น. นายกฯ ได้มอบหมายนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการโรคมะเร็งแห่งชาติ ครั้งที่ 16 ภายใต้หัวข้อ “SHAPE THE FUTURE OF CANCER CARE” ที่ห้องประชุมเมย์แฟร์ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ ถนนราชปรารภ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ โดยนายกฯใช้เวลาในการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดสงขลา บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้นายกฯยังได้ยกเลิกภารกิจงานต่างๆนอกทำเนียบรัฐบาล และภารกิจลงพื้นที่ต่างจังหวัดในสัปดาห์นี้ รวมถึงยกเลิกเดินทางเยือนเมืองปูตราจายา และกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ
ในวันที่ 26 พ.ย.นี้ เพื่ออยู่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดสงขลาด้วยตัวเอง

รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินสงขลาทั้งจังหวัด มีผลถึง 25 ก.พ.69

เมื่อวันที่ 25 พ.ย.นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่จังหวัดสงขลา โดยระบุว่า โดยที่ปรากฏสถานการณ์ภัยพิบัติสาธาธารณะที่เป็นผลมาจากการที่ฝนตกหนัก จนเกิดมหาอุทกภัยในเขตท้องที่จังหวัดสงขลา ซึ่งมีความร้ายแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน อันส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตโดยปกติสุขและก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของประชาชน รวมทั้งสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินทั้งของประชาชนและราชการเป็นวงกว้าง กรณีจึงจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยของประชาชน ความสงบเรียบร้อยและแก้ไขเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งเพื่อป้องปัดหรือแก้ไขเยียวยาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะอันมีมาอย่างฉุกเฉินร้ายแรง และไม่อาจแก้ไขปัญหาด้วยการบริหารราชการในรูปแบบปกติได้

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 7 วรรคสาม และวรรคสี่แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่จังหวัดสงขลาและแต่งตั้งให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายและเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2568 จนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2569

รัฐบาล เปิด “ศปกฉ.” รับร้องทุกข์น้ำท่วมใต้ 

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศปกฉ.) แถลงเปิด ศปกฉ. ว่า วันนี้รัฐบาลได้ประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นผู้บริหารสถานการณ์ในพื้นที่ ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล ได้จัดตั้ง ศปกฉ. มีตนเป็นผู้อำนวยการ มี น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกฯ เป็นเลขาธิการ ศปกฉ. มีนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ และ พล.ท.วันชนะ สวัสดี โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นโฆษก ศปกฉ.  ศูนย์นี้จะบูรณาการหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อรวบรวมรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนในเขตพื้นที่ ผ่านหมายเลข 1784 และ 1111 รวมถึงเพจข่าวสารต่างๆ เพื่อนำมาคัดกรอง สำหรับการช่วยเหลือจะแบ่งเป็นเคสสีแดง ซึ่งต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน ผู้ที่อยู่ในที่อันตรายขั้นรุนแรงและวิกฤติ เคสสีเหลืองสำหรับผู้ที่ติดอาศัยอยู่ในบ้านเรือนสองชั้น แต่ขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม และทรัพยากร โดยจะประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าที่มี ผบ.ทสส. เป็นผู้บัญชาการหน้างานดำเนินงานช่วยเหลือต่อไป

นายภราดร กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานรัฐอยู่ในพื้นที่ทั้งหมดแล้ว เหล่าทัพต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในเรื่องการอพยพและลำเลียงสิ่งของจำเป็นให้ผู้ที่อยู่ด้านใน โดย ผบ.ทสส.จะเป็นผู้บริหารหน้างาน และประสานกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อรวบรวมและสอบถามความต้องการของแต่ละจุดว่าต้องการแบบไหน และจะบริหารจัดการหน้างานส่งม้าเร็วที่มีทั้งเรือและรถเข้าไปช่วยเหลือประชาชน จุดไหนที่เรือเข้าไม่ได้ก็จะใช้เฮลิคอปเตอร์เพื่อนำอาหารและสิ่งของจำเป็นเข้าไปดูแลได้มากที่สุด ส่วนโรงพยาบาล ทางนายกฯได้มีคำสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการอย่างไรก็ได้เพื่อให้โรงพยาบาลไม่ขาดไฟฟ้า พยายามดูแลชีวิตของผู้ป่วยให้ดีที่สุด หากเคสไหนไม่สามารถที่จะดำเนินการอยู่ที่โรงพยาบาลได้ โดย ผบ.ทสส.จะเป็นผู้ตัดสินใจดำเนินการรับผู้ป่วยออกมาเป็นเคสๆไป

ด้าน นายสิริพงศ์ กล่าวว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่ามีศูนย์นี้ก็อาจจะมีข้อกังวลใจจากภาคประชาชนว่า หากมีการนำข้อมูลเหล่านี้มาคัดกรองแล้ว อาจจะทำให้เกิดความล่าช้าหรือไม่ ต้องเรียนว่าในการดำเนินการในส่วนของพื้นที่ก็มีการปฏิบัติการแบบภาคพื้น แบ่งเป็น หมู่บ้าน ตำบล จังหวัด แต่สิ่งที่เราพบคือ ข้อมูลมาจากหลากหลายช่องทาง ทั้งช่องทางที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ แต่ที่สุดแล้วคือการรวบรวมข้อมูลเพื่อคัดกรอง จัดเรียงไม่ให้เกิดความสับสน โดยจะแบ่งเป็นสีเขียว สีเหลือง สีแดง รวมถึงการให้ความร่วมมือคนที่จะมาเป็นจิตอาสาที่จะมีเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งถ้าไม่มีการจัดการก็จะกลายเป็นว่าทรัพยากรทุกที่จะลงไปในพื้นที่ตามโซเชียลมีเดียและตามแหล่งข่าวเท่านั้น ดังนั้นเราจึงให้มีศูนย์นี้เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่หลังบ้านว่าจะสามารถกระจายลงไปได้อย่างไร 

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า หลังจากที่น้ำลดลงแล้ว ศูนย์นี้จะมีหน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรข้อมูลในกรณีที่มีการช่วยเหลือจากในพื้นที่ต่างๆว่าศูนย์ไหนยังขาดแคลนอะไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ว่าบางศูนย์มีของช่วยเหลือจนล้น หรือบางศูนย์ไม่มีอะไรเลย ดังนั้นศูนย์นี้จะทำงานหลังบ้านในเรื่องข้อมูล และจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการช่วยเหลือหน้างานแต่อย่างใด แต่กลับจะทำให้การบริหารงานของหน้างานตรงประเด็นและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ศูนย์ดังกล่าวจะเปิด 24 ชั่วโมง

“ศุภมาส” สั่งการ NBT กรมประชาสัมพันธ์ จับมือ อสมท. ปรับผังสื่อรัฐ เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้แบบเรียลไทม์ 

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างว่า ขณะนี้รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับการช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยง หลังคณะรัฐมนตรีมีมติให้ประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรุนแรง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติงานได้อย่างคล่องตัว บูรณาการกำลัง และเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันเวลา ทั้งการอพยพ การลำเลียงผู้ประสบภัย การจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และที่พักพิง รวมถึงอุปกรณ์ยังชีพเร่งด่วน

นางสาวศุภมาสกล่าวว่า รัฐบาลขอให้ประชาชนมั่นใจว่าการช่วยเหลือทุกด้านกำลังดำเนินไปเต็มกำลัง โดยเฉพาะด้วย พระมหากรุณาธิคุณของในหลวง พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงห่วงใยประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม ได้พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือ รวมถึงถุงยังชีพพระราชทานและโรงครัวพระราชทานลงพื้นที่ทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

ในส่วนของการสื่อสาร นางสาวศุภมาสได้สั่งการให้ NBT กรมประชาสัมพันธ์ และ อสมท. ปรับผังรายการและขยายการรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันเหตุการณ์แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ลดความสับสนในช่วงสถานการณ์วิกฤติ

สถานีโทรทัศน์ NBT ได้ล้มผังรายการปกติและออกอากาศรายการพิเศษ “เกาะติดน้ำท่วมใต้” รายงานสถานการณ์จากพื้นที่จริงตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 พร้อมเชื่อมสัญญาณไปยังสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยทั่วประเทศ รวมทั้งช่องทางออนไลน์ เช่น Facebook YouTube TikTok NBT Connext และเพจประชาสัมพันธ์จังหวัด โดยเฉพาะ สวท. สงขลา FM 90.5 MHz ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลหลักของภาคใต้ในแบบเรียลไทม์

ด้าน อสมท. ได้ร่วมเชื่อมสัญญาณรายการพิเศษจาก NBT เพิ่มการรายงานในข่าวทุกช่วงเวลา พร้อมระดมสถานีวิทยุเครือข่ายภาคใต้ทั้ง 10 สถานี เพื่อสะท้อนสถานการณ์ภาคสนามและความต้องการเร่งด่วนของประชาชน

นอกจากนี้ รัฐบาลยังจัดทำ ระบบข้อมูลกลางแบบเรียลไทม์ สำหรับประชาชน ซึ่งรวมข้อมูลระดับน้ำ จุดถนนขาด สถานะไฟฟ้า น้ำประปา เส้นทางอพยพ และจุดรับส่งผู้ประสบภัย โดยเผยแพร่ผ่านทุกช่องทางสื่อ ได้แก่ ช่อง 9 ช่อง 11 เพจกรมประชาสัมพันธ์ เพจสวท.สงขลา และ FM 90.5 MHz เพื่อให้ประชาชนสามารถประเมินสถานการณ์และตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที

นางสาวศุภมาสกล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเป็นรูปธรรม ดิฉันได้มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์ร่วมกับอสมท. เปิด “ศูนย์รับบริจาคสิ่งของช่วยผู้ประสบภัยภาคใต้” ณ สถานีโทรทัศน์ NBT ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป เปิดรับบริจาคทุกวัน เวลา 08.00–18.00 น.

ประชาชนสามารถนำ เครื่องอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า ยารักษาโรค และสิ่งของจำเป็นต่างๆ มาบริจาคได้ที่ศูนย์ดังกล่าว โดยสิ่งของทั้งหมดจะถูกส่งต่อไปยังพื้นที่ประสบภัยทันที พร้อมการสนับสนุนการขนส่งจากสายการบินนกแอร์

สำหรับผู้ที่ต้องการบริจาคเป็นเงิน สามารถบริจาคโดยตรงผ่านบัญชี “สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ” ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย เลขบัญชี 045-3-04637-0 ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้จากช่อง NBT

นางสาวศุภมาสกล่าวทิ้งท้ายว่า “รัฐบาลจะใช้ศักยภาพของสื่อรัฐ ทั้งกรมประชาสัมพันธ์และอสมท. อย่างเต็มกำลังเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และทันต่อสถานการณ์ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลจากสื่อภาครัฐเพื่อความปลอดภัย รัฐบาลจะเร่งดำเนินมาตรการทุกด้านเพื่อลดผลกระทบและความสูญเสียให้ได้มากที่สุด”

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

“กรุงไทย” ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหาดใหญ่

“กรุงไทย” ห่วงใยลูกค้า ออกมาตรการทางการเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหาดใหญ่และภาคใต้

EXIM BANK ช่วยลูกค้าน้ำท่วม เพิ่มมาตรการยืดหนี้อัตโนมัติ 30 วัน

EXIM BANK ช่วยลูกค้าฝ่าวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่และภาคใต้ เพิ่มมาตรการยืดหนี้อัตโนมัติ 30 วัน เสริมด้วยมาตรการช่วยเหลือครบวงจร

ทิพยประกันภัย เปิดโครงการ “ขับดีมีวินัย ปลอดภัยทุกคน”

ทิพยประกันภัย ผนึกกำลังภาครัฐและภาคเอกชน ยกระดับความปลอดภัยทางถนน  “ภายใต้โครงการ ขับดีมีวินัย ปลอดภัยทุกคน”

NT เร่งจัดระบบสื่อสารอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ ช่วยเหลือน้ำท่วม

NT เร่งจัดระบบสื่อสารอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ พร้อมส่งมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา