ออมสิน – ธ.ก.ส. นำทัพแบงก์รัฐลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทสูงสุด 0.25%

Date:

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปี 2569 และต่อเนื่องในปี 2570 มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและช่วยบรรเทาภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง ธนาคารออมสินจึงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทสูงสุด 0.25% ต่อปี 

ซึ่งเป็นอัตราลดดอกเบี้ยสูงสุดตามมติ กนง. เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและเป็นของขวัญปีใหม่ให้ลูกค้าของธนาคาร โดยอัตราดอกเบี้ย MOR ลดลง 0.25% ต่อปี MLR ลดลง 0.15% ต่อปี และ MRR ลดลง 0.10% ต่อปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดเหลือ 5.845% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่ (MLR) ลดเหลือ 6.175% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้ารายย่อย (MRR) ลดเหลือ 6.195% ต่อปี โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง 3 ประเภทของธนาคาร (MOR/MLR/MRR) ยังคงต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 6 แห่ง 

สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเดิมเพื่อรักษาประโยชน์ของผู้ฝากเงินตามภารกิจส่งเสริมการออมของธนาคาร

ธ.ก.ส. ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สูงสุดร้อยละ 0.25 ต่อปี

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.50 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี โดยให้มีผลทันทีนั้น ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จึงพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายและสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน ธ.ก.ส. พร้อมช่วยบรรเทาภาระหนี้สินให้กับผู้ประกอบการ SME ภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ รวมถึงช่วยลดผลกระทบจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ให้ผู้ประกอบการ SME สามารถฟื้นตัวและดำเนินงานต่อได้ตามปกติในภาวะที่เศรษฐกิจยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ธ.ก.ส. จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุดร้อยละ 0.25 ต่อปี ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) คงเหลือร้อยละ 6.125 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลูกค้านิติบุคคลชั้นดี (MLR) คงเหลือร้อยละ 6.025 ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ได้ออกมาตรการดูแลด้านหนี้สินอย่างครบวงจรให้กับเกษตรกรลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรการ พักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมาตรการเฟส 3 จำนวน 1.35 ล้านราย ต้นเงินกว่า 203,000 ล้านบาท และได้ดำเนินการฟื้นฟูอาชีพให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดการประกอบอาชีพให้กับผู้เข้าร่วมโครงการให้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ระหว่างการเข้าร่วมมาตรการ รวมถึง ธ.ก.ส. ได้มีการสนับสนุนเงินทุนผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการประกอบอาชีพของเกษตรกร ทั้งรายย่อยและผู้ประกอบการเกษตร อาทิ สินเชื่อแทนคุณ สินเชื่อเงินด่วนสิบหมื่น สำหรับสมาชิก อสม. และ อสส. วงเงินกู้   รายละไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ต่อเดือน และสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ เพื่อสร้างรายได้คู่ขนานจากการทำการเกษตร อัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก MRR – 2 ต่อปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศหรือ Call Center 02 555 0555

​บสย. ลดดอกเบี้ย Prime Rate เหลือ 5.35% ต่อปี มีผล 19 ธ.ค. นี้  

จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จากระดับ 1.50% มาอยู่ที่ 1.25% ต่อปี โดยมีผลทันที เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนและมีความเสี่ยงมากขึ้น และเพื่อให้ภาวะการเงินสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับกลุ่มเปราะบาง รวมถึงช่วยเสริมประสิทธิผลของมาตรการทางการเงินและนโยบายอื่นของภาครัฐ

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า บสย. ขานรับนโยบายรัฐบาล โดยได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ลง 0.25% ต่อปี คงเหลือ 5.35% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด และนับเป็นครั้งที่ 4 ของปี เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลมอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกหนี้ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป

ตลอดเวลาที่ผ่านมา บสย. ยืนหยัดในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะการลดภาระทางการเงิน เพื่อให้ SMEs สามารถประคับประคองธุรกิจ เดินหน้าต่อได้ในภาวะเศรษฐกิจผันผวน ผลกระทบที่เกิดจากสงครามการค้า และเหตุพิพาทชายแดน ตลอดจนสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น

ปัจจุบัน บสย. มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลม ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ที่ออกแบบเพื่อรองรับกับความสามารถในการชำระหนี้ จุดเด่นคือ ยืดหนี้ยาวสูงสุด 7 ปี ช่วย SMEs “ผ่อนน้อย เบาแรง” พร้อม “ตัดเงินต้น ก่อนตัดดอก” และคิดอัตราดอกเบี้ย 0% พร้อมลดต้นสูงสุด 30% สำหรับลูกหนี้ที่ต้องการ “ปลดหนี้” โดยให้ความช่วยเหลือครอบคลุมลูกหนี้ทุกกลุ่ม รวมถึงลูกหนี้ “กลุ่มเปราะบาง” ผู้ประกอบการรายย่อย Micro SMEs พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ ที่มีหนี้คงเหลือไม่เกิน 2 แสนบาท เพื่อต่อลมหายใจให้ลูกหนี้สามารถกลับมาเดินหน้าต่อได้ สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ ในโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ที่มุ่งช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ปลดหนี้ แก้หนี้อย่างยั่งยืน

SME D Bank ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.15% 

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568  มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี  ดังนั้น  SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย ขานรับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.15% เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate : MRR) จาก 7.325% ต่อปี ลดลงเหลือ 7.175% ต่อปี และประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate : MOR)  จาก 7.20% ต่อปี ลดลงเหลือ 7.15% ต่อปี   มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป

การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 4 ในปี 2568 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง  ลดภาระทางการเงิน บรรเทาผลกระทบจากปัจจัยท้าทายต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  ภัย ธรรมชาติ ความไม่แน่นอนของภาษีการค้า และปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน เป็นต้น รวมถึง สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ   ช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอี สามารถประคับประคอง และเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้  

ขณะเดียวกัน SME D Bank ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้เช่นเดิม  เพื่อสร้างโอกาสให้ลูกค้าธนาคาร ทั้งกลุ่มนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา ตลอดจนหน่วยงาน องค์กร สถาบัน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน   มีทางเลือกในการหาแหล่งฝากเงินผลตอบแทนเหมาะสม และมีความมั่นคงปลอดภัยสูงสุด

นอกจากการลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว SME D Bank ยังขานรับนโยบายรัฐบาล ที่มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่  2 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา เห็นชอบมาตรการ “Quick Big Win เพื่อ SMEs ไทย” สนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างทั่วถึง ด้วยการออก 2 โครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐบาล วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท  ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของ SME D Bank  อัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ 3 ปีแรก ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี  ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  เสริมสภาพคล่อง สามารถเดินหน้าธุรกิจได้ต่อเนื่อง ได้แก่ สินเชื่อ “ปลุกพลัง SME” วงเงินกู้สูงสุด 1 ล้านบาท และสินเชื่อ “Beyond ติดปีก SME” วงเงินกู้สูงสุด 30 ล้านบาท 

ขณะเดียวกัน มอบบริการพัฒนาธุรกิจครบวงจร ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน  ให้เอสเอ็มอีปรับตัวทางธุรกิจได้ทุกสถานการณ์   สามารถแจ้งความประสงค์ รับบริการจาก SME D Bank ได้ผ่านทุกสาขา ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์  เช่น LINE Official Account : SME Development Bank  และ www.smebank.co.th เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

ไอแบงก์ ปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อทุกประเภท 0.10% 

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ให้บริการทางการเงินตามหลักชะรีอะฮ์ และปฏิบัติต่อลูกค้าโดยยึดหลัก “ไอแบงก์…เรา…ไม่ทิ้งกัน” ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินให้แก่ลูกค้าสินเชื่อของธนาคาร ขานรับมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อทุกประเภท 0.10% มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป พร้อมเดินหน้าดูแลพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติอุทกภัยภาคใต้ ตามมาตรการช่วยเหลือ/เยียวยา/ฟื้นฟู ของกระทรวงการคลัง และนำเสนอบัญชีเงินรับฝาก ibank e-Savings ซึ่งให้ผลตอบแทนสูง 2.2% เพื่อส่งเสริมการออมของพี่น้องประชาชน

นางวิมลรัตน์ ปิยสถาพรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่มงานการเงิน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อ 17 ธันวาคม 2568 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากร้อยละ 1.50 ต่อปี เหลือร้อยละ 1.25 ต่อปี เพื่อให้ภาวะการเงินมีความผ่อนคลาย ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ไอแบงก์ขานรับนโยบายด้วยการปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อทุกประเภท 0.10% เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง ทั้งลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ และลูกค้าสินเชื่ออุปโภคบริโภครายย่อย

การปรับลดอัตรากำไรสินเชื่อในครั้งนี้ ประกอบด้วยการปรับอัตรากำไรสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (SPR) จากเดิมร้อยละ 7.65 ต่อปี ลดลง 0.10% เหลือร้อยละ 7.55 ต่อปี อัตรากำไรสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทสินเชื่อแบบมีกำหนดระยะเวลา (SPRL) จากร้อยละ 7.80 ต่อปี ลดลง 0.10% เหลือร้อยละ 7.70 ต่อปี และอัตรากำไรสินเชื่อสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (SPRR) จากร้อยละ 8.05 ต่อปี ลดลง 0.10% เหลือร้อยละ 7.95 ต่อปี

นอกจากนี้ ไอแบงก์ยังได้เดินหน้ามาตรการช่วยเหลือ (เสริมสภาพคล่อง) / เยียวยา (ให้สินเชื่อฉุกเฉิน) / ฟื้นฟู (ให้สินเชื่อซ่อมแซม) สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติอุทกภัยภาคใต้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวครอบคลุมการพักชำระเงินต้น และไม่คิดกำไรใน 12 เดือนข้างหน้า พร้อมทั้งให้สินเชื่อเพิ่มเติมด้วยอัตรากำไร 0% ในปีที่ 1 ด้วยเงื่อนไขตามมาตรการ ซึ่งขณะนี้ได้เปิดให้ลูกค้าแจ้งความจำนงแล้ว โดยจะเร่งให้ความดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติดังกล่าว โดยถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะยืนหยัดให้ความช่วยเหลือตามมาตรการของกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจและคนไทยก้าวข้ามสถานการณ์อันยากลำบากครั้งนี้ไปด้วยกัน

พร้อมกันนี้ ไอแบงก์ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน ด้วยผลิตภัณฑ์เงินรับฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ “ibank e-Savings” เปิดบัญชีสะดวกได้ด้วยตนเองผ่าน ibank Application บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ให้ผลตอบแทนสูง 2.2% ต่อปี (สำหรับเงินฝากที่ไม่เกิน 20,000 บาท) อีกด้วย

สอบถามข้อมูลอัตรากำไรสินเชื่อ มาตรการช่วยเหลือ ผลิตภัณฑ์ธนาคาร และข้อมูลอื่นๆ ได้ที่ ไอแบงก์ ทุกสาขา หรือ ibank Contact Center 1302 หรือ แชตทาง Messenger : Islamic Bank of Thailand – ibank (@ibank.th) และ Line : iBank 4 all (@ibank)

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

นายกฯ อนุทิน ลั่น พร้อมสร้างกำแพงชายแดนกัมพูชา ปกป้องรั้วของชาติ

นายกฯ อนุทิน สงสารทหาร เห็นด้วยตาเนื้อปราสาทตาควาย-เนิน 350  ลั่น พร้อมกลับมาสร้างกำแพงชายแดน ปกป้องรั้วของชาติ

นายกฯ อนุทิน เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ ทหารกล้า

นายกฯ อนุทิน เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ พลทหาร ธนพัฒน์ นันทะวงศ์ ทหารกล้าสละชีพสมรภูมิบ้านหนองจาน

ธอส. มอบของขวัญปีใหม่ ลูกค้าผ่อนดี รับเงิน 1,000 บาท

ธอส. มอบของขวัญปีใหม่ตอบแทนลูกค้าผ่อนชำระดี 48 เดือน รับเงิน 1,000 บาท

บสย. มอบของขวัญปีใหม่ 2569 ลดเงินต้นสูงสุด 50%

บสย. มอบของขวัญปีใหม่ 2569 “พร้อมค้ำ-พร้อมช่วย” ฟรี!! ค่าธรรมเนียมค้ำฯ 3 ปีแรก แก้หนี้ SMEs กลุ่มเปราะบาง ลดเงินต้นสูงสุด 50% ปลอดดอกเบี้ย