อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com, Inc. (NASDAQ:AMZN) ประกาศเปิดตัว AWS Asia Pacific (Malaysia) Region เป็นที่เรียบร้อยในวันนี้ นับจากนี้ นักพัฒนาแอปพลิเคชัน สตาร์ทอัพ และองค์กรต่าง ๆ รวมถึงภาครัฐ การศึกษา และองค์กรไม่แสวงผลกําไร จะมีทางเลือกมากขึ้นในการเรียกใช้แอปพลิเคชันของตนและให้บริการผู้ใช้ปลายทางจากศูนย์ข้อมูล AWS ที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ AWS วางแผนที่จะลงทุนมากกว่า 6.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 2.92 หมื่นล้านริงกิต) ในมาเลเซียจนถึงปี 2581 ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่ AWS มีต่อภูมิภาคนี้ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของ AWS สามารถดูได้ที่ aws.amazon.com/about-aws/global-infrastructure
การก่อสร้างและการดำเนินงานของ AWS Region ใหม่คาดว่าจะเพิ่มผลผลิตรวมในประเทศ (GDP) ของมาเลเซียได้มากถึง 1.21 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5.73 หมื่นล้านริงกิต) และสนับสนุนการว่าจ้างงานโดยเฉลี่ยกว่า 3,500 ตำแหน่งต่อปี จนถึงปี 2581 ในมาเลเซีย งานเหล่านี้ เช่นการก่อสร้าง การดูแลรักษาโครงสร้างพื้นฐาน วิศวกรรม โทรคมนาคม และสายงานอื่น ๆ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจในวงกว้างของประเทศ และ AWS ในมาเลเซีย
Tengku Zafrul รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุน การค้าและอุตสาหกรรม (Minister of Investment Trade & Industry: MITI) กล่าวว่า “การเปิดตัว AWS Region ในมาเลเซียแห่งใหม่นี้ ช่วยเพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยให้กับองค์กรและธุรกิจต่าง ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมด้านดิจิทัลให้ประเทศของเรา การเปิดตัวโครงสร้าง Region ถือเป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนวิสัยทัศน์ New Industrial Master Plan 2030 ของรัฐบาลมาเลเซีย เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า มั่งคั่ง ครอบคลุมและยั่งยืน บวกกับแรงงานที่มีทักษะสูง เรามองเห็นศักยภาพที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยเครื่องมือดิจิทัล เทคโนโลยีคลาวด์และ AI เพื่อผลักดันให้ประเทศมาเลเซียก้าวสู่การเป็นฮับศูนย์รวมการผลิตและการให้บริการภายในเอเชีย ในฐานะการลงทุนที่สูงที่สุดในมาเลเซียโดยบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก AWS Region และจะช่วยผลักดันให้มาเลเซียมีความพร้อมในการแข่งขันบนเวทีโลก”
ปราสาท กัลยาณรามัน รองประธานฝ่ายบริการโครงสร้างพื้นฐานของ AWS กล่าวว่า “AWS Region แห่งใหม่ในมาเลเซีย จะช่วยให้องค์กรทั่วเอเชียแปซิฟิก สามารถปลดล็อกศักยภาพด้วยระบบคลาวด์ที่ครอบคลุมและแข็งแกร่งที่สุดในโลก อีกทั้งยังช่วยให้ลูกค้าสามารถนำแอปพลิเคชันขั้นสูงไปปรับใช้ด้วยชุดเทคโนโลยี AWS ที่หลากหลาย เช่น AI และ MLเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของมาเลเซียต้องการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปลอดภัย มีความยืดหยุ่น และยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวในวันนี้ AWS รู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการขับเคลื่อนทางดิจิทัลของมาเลเซียและช่วยเร่งพัฒนาให้มาเลเซียเป็นฮับศูนย์กลางระดับภูมิภาคสำหรับ AI”
AWS Asia Pacific (Malaysia) Region แห่งใหม่นี้เป็นอีกหนึ่งโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ซึ่งในขณะนี้ประกอบด้วย Availability Zone จำนวน 108 แห่งใน 34 ภูมิภาคทั่วโลก และมีแผนที่จะเปิดตัว 18 Availability Zones และ 6 AWS Regions เพิ่มเติมใน เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ไต้หวัน ประเทศไทย และ AWS European Sovereign Cloud โครงสร้าง AWS Region ประกอบด้วย Availability Zones 3 แห่งที่ตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่แยกจากกันและแตกต่างกัน โดยมีระยะห่างเพียงพอที่จะลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานที่ต่อเนื่องของลูกค้า แต่ก็ใกล้พอที่จะให้ค่าความหน่วงต่ำสําหรับแอปพลิเคชันที่มีต้องการความเสถียรสูง โดย Availability Zone แต่ละแห่งจะมีแหล่งพลังงาน การระบายความร้อน และการรักษาความปลอดภัยที่แยกจากกัน และเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายที่มีการเสริมและสำรอง และมีค่าความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ ลูกค้า AWS ที่เน้นความเสถียรและพร้อมใช้งานสูง สามารถออกแบบแอปพลิเคชันให้ทํางานในหลาย ๆ Availability Zone และในหลาย Region ได้เพื่อให้เกิดความทนทานต่อความเสียหาย (fault tolerance) ที่ดียิ่งขึ้น
ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ AWS ต้อนรับการเปิดตัวของ AWS Region ในประเทศมาเลเซีย
องค์กรต่าง ๆ ในประเทศมาเลเซียเป็นส่วนหนึ่งในลูกค้าหลายล้านรายทั่วโลกที่ใช้งาน AWS ในกว่า 190 ประเทศ องค์กรในมาเลเซียที่เลือกใช้ AWS เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม ขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้านต้นทุน และเร่งการออกสู่ตลาด ได้แก่ Astro Malaysia Holdings Berhad, Axiata Group, ธนาคารอิสลามมาเลเซีย, CelcomDigi, สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งมาเลเซีย (RTM), ธนาคาร GX Bank Berhad (GXBank), Johor Corporation, PayNet และ Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS) ในส่วนของลูกค้าภาครัฐของมาเลเซียที่ใช้ AWS เพื่อช่วยเพิ่มการประหยัดต้นทุนและให้บริการประชาชนในประเทศได้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งเอเชียแปซิฟิก (APU), BeEducation Adventures Sdn. Bhd. (BeED), สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซีย (DOSM), กระทรวงอุดมศึกษาของมาเลเซีย (MOHE), Pos Malaysia และ Tenaga Nasional Berhad (TNB) นอกจากนี้ บริษัทสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดเล็กในมาเลเซีย เช่น Aerodyne, Carsome, QRRA และ Tapway ได้สร้างธุรกิจบน AWS เพื่อที่จะสามารถขยายได้อย่างรวดเร็วทั้งระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและระดับโลก
ตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซา มาเลเซีย (Bursa Malaysia) พึ่งเปิดตัวแพลตฟอร์มข่าวกรองด้านความยั่งยืน (Centralized Sustainability Intelligence: CSI) บน AWS เพื่อรองรับมาเลเซียสู่การเปลี่ยนแปลงไปยังเศรษฐกิจคาร์บอนที่ต่ำกว่า Datuk Muhamad Umar Swift ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Bursa Malaysia กล่าวว่า “Bursa Malaysia ยินดีกับการเปิดตัวโครงสร้างพื้นฐาน AWS Cloud ในมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในการนำนวัตกรรมมาเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง การร่วมมือของเรากับ AWS ในการเปิดตัวแพลตฟอร์ม CSI ช่วยส่งเสริมให้บริษัทในมาเลเซียสามารถสร้างมาตรฐานการรายงาน ESG และลดการปล่อยคาร์บอนในการดำเนินงาน การประมวลผลบนคลาวด์จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนในหมู่บริษัทมาเลเซีย เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง”
CelcomDigi เป็นผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมชั้นนำในประเทศมาเลเซีย ซึ่งใช้ Amazon Bedrock เพื่อเข้าถึงโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models: LLM) ที่มีประสิทธิภาพสูง และถูกออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์เฉพาะ ด้วยการใช้งาน Amazon Bedrock นี้ ทำให้ CelcomDigi สามารถทดลองนำเทคโนโลยี Generative AI มาใช้งานได้อย่างปลอดภัย และช่วยให้บริษัทสามารถนำนวัตกรรมดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจทั้งภาคบริการผู้บริโภคและภาคองค์กรได้อย่างรวดเร็ว Datuk Idham Nawawi ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CelcomDigi กล่าวว่า “ด้วยการเปิดตัว AWS Region ในมาเลเซีย เปิดโอกาสใหม่ที่น่าตื่นเต้นให้แก่ CelcomDigi ในการผลักดันการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมระดับแนวหน้า การมีโครงสร้างพื้นฐานและบริการ AI ของ AWS ในการใช้งานระบบและแอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าของเรา ทำให้เราสามารถปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้าได้”
บริษัท ELSA Corp. (ELSA) ใช้เทคโนโลยีการรับรู้เสียงพูดและ AI เพื่อช่วยให้ผู้เรียนภาษาอังกฤษที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาสามารถพูดได้อย่างมั่นใจและคล่องแคล่วมากขึ้น โดยผ่านแอปพลิเคชัน ELSA Speak ซึ่งมีผู้ใช้งานในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก Will Polese รองประธานฝ่ายรายได้ของ ELSA กล่าวว่า “การร่วมมือกับ AWS มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้เรียนภาษาอังกฤษกว่า 50 ล้านคนให้สามารถพัฒนาทักษะการพูดได้ดีขึ้น และช่วยให้เราสามารถขยายธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยความสามารถในการปรับเปลี่ยนและกำหนดค่าต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งในส่วนของการประมวลผลข้อมูล การจัดการฐานข้อมูล และการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมากแบบเรียลไทม์ของ AWS ทำให้ ELSA สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อย่างราบรื่น และยังคงให้บริการที่มีคุณภาพสูง ตอบสนองความพึงพอใจของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี การเปิด AWS Region ใหม่ในมาเลเซีย จะช่วยเสริมศักยภาพให้เราสามารถให้บริการแก่ลูกค้าและผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยความน่าเชื่อถือ และมีการตอบสนองที่รวดเร็ว การลงทุนของ AWS ในครั้งนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเราที่ต้องการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม”
GXBank เป็นธนาคารดิจิทัลแห่งแรกของประเทศมาเลเซีย มีพันธกิจในการเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่ประชาชนชาวมาเลเซียทุกคน Pei-Si Lai ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GXBank กล่าวว่า “ด้วยการพัฒนาระบบบนคลาวด์ของ AWS เราสามารถเปิดตัว GXBank ได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 16 เดือน โดยพร้อมให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 750,000 ราย และรองรับการทำธุรกรรมสูงถึง 13 ล้านรายการในช่วง 8 เดือนแรก เรายินดีกับการเปิดตัว AWS Region ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจ ผู้ประกอบการ และ SME ของมาเลเซียสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความปลอดภัย และสามารถรองรับการขยายตัวเพื่อให้บริการลูกค้าอย่างราบรื่น เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ AWS ในการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง และขยายโอกาสทางการเงินในภูมิภาคอาเซียน โดยมีเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นรากฐาน”
PETRONAS เป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานและโซลูชันระดับโลก มีการดำเนินงานในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก บริษัทได้ใช้บริการของ AWS สำหรับโซลูชันใหม่และโซลูชันที่มีอยู่แล้ว เช่น SETEL ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet) แห่งแรกของมาเลเซียสำหรับซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง และแพลตฟอร์มโซลูชันและบริการด้านโลจิสติกส์บนคลาวด์ (STEAR) สำหรับอุตสาหกรรมนอกชายฝั่ง Ir. Mohd Yusri Mohamed Yusof รองประธานอาวุโส ฝ่ายการส่งมอบโครงการและเทคโนโลยี PETRONAS กล่าวว่า “เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในธุรกิจของเรา บริการคลาวด์ช่วยสนับสนุนการทำงานของเราในด้านปัญญาประดิษฐ์ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง หุ่นยนต์ และการจัดการข้อมูล การที่ AWS ลงทุนในมาเลเซียจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการด้านการจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และยกระดับขีดความสามารถด้านดิจิทัลของประเทศ เรารู้สึกตื่นเต้นที่การลงทุนครั้งนี้จะผลักดันให้มาเลเซียก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัลในระดับภูมิภาค”
RTM เป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติของมาเลเซีย ได้ใช้บริการของ AWS เพื่อพัฒนาและขยายขีดความสามารถของแอปพลิเคชันนวัตกรรมบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งดิจิทัล RTMKlik ซึ่งมีผู้ชมหลายล้านคน Datuk Suhaimi Sulaiman ผู้อำนวยการใหญ่ RTM กล่าวว่า “การเปิดตัว AWS Region ในมาเลเซียหมายถึงการที่เราสามารถใช้ประโยชน์จากบริการ Generative AI ของ AWS เช่น Bedrock เพื่อนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาปรับปรุง RTMKlik และปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับความชื่นชอบในการรับชมของผู้ใช้ RTMKlik แต่ละราย นอกจากนี้ AWS ยังช่วยขยายความสามารถของ RTMKlik ด้วยบริการเสริมต่าง ๆ อย่างเช่น คำบรรยายสดสำหรับผู้ชมที่มีปัญหาการได้ยิน ทำให้พวกเขาสามารถรับชมรายการสดได้ ความก้าวหน้าเหล่านี้ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานและเปิดโอกาสให้ RTMKlik เข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้กว้างขึ้น บทบาทสำคัญของ AWS คือการทำให้ RTMKlik กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ทันสมัย ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น”
TNB บริษัทสาธารณูปโภคชั้นนำในเอเชีย ให้บริการลูกค้ากว่า 9.5 ล้านรายในภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และที่พักอาศัยทั่วประเทศมาเลเซีย ได้ร่วมมือกับ AWS เพื่อผลักดันการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และพัฒนานวัตกรรมโซลูชันพลังงานอัจฉริยะ Azlan Ahmad ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลที่ TNB กล่าวว่า “ภายใต้แผนการ Reimagining TNB ระยะ 10 ปี เราได้ร่วมมือกับ AWS ในการสร้างขีดความสามารถและโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อสนับสนุนความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากหน่วยงานธุรกิจต่าง ๆ ของเรา โซลูชันดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการทำให้ระบบสายส่งไฟฟ้ามีความทันสมัยและขยายกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน รวมถึงยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลขั้นสูง ด้วยความร่วมมือนี้ TNB กำลังนำพาอนาคตของพลังงานที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นและนำร่องการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด”
เครือข่ายพาร์ทเนอร์ของ AWS หรือที่เรียกว่า AWS Partner Network (APN) ประกอบด้วยผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อิสระ (Independent Software Vendors หรือ ISVs) และผู้ให้บริการระบบรวม (System Integrator หรือ SI) จำนวนมากกว่าหลายหมื่นรายทั่วโลก พาร์ทเนอร์เหล่านี้มีหน้าที่สร้างสรรค์โซลูชันและบริการนวัตกรรมบนแพลตฟอร์ม AWS โดย APN จะทำหน้าที่สนับสนุนด้านธุรกิจ เทคนิค การตลาด และการนำเสนอสู่ตลาดให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ พาร์ทเนอร์ประเภท ISV ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี ผู้ให้บริการระบบรวม และพาร์ทเนอร์ที่ปรึกษา ยังมีบทบาทในการช่วยเหลือลูกค้าองค์กรและหน่วยงานภาครัฐในการย้ายระบบมาบน AWS การติดตั้งแอปพลิเคชันสำคัญ การตรวจสอบและทำระบบให้เป็นอัตโนมัติ รวมไปถึงการบริหารจัดการระบบคลาวด์อย่างครบวงจร พาร์ทเนอร์ของ AWS ในมาเลเซียประกอบด้วย Accenture, Aerodyne, Axrail, CelcomDigi, Deloitte, eCloudvalley, Exabytes, G-AsiaPacific, GHL, Kyndryl, Maxis, Radmik Solutions, Silverlake Axis, SoftwareOne, Tapway, Uberfusion และ VSTECS สำหรับรายชื่อพาร์ทเนอร์ของ AWS ทั้งหมด สามารถดูได้ที่ aws.amazon.com/partners
Tapway สตาร์ทอัพผู้ให้บริการโซลูชันด้าน AI ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากประเทศมาเลเซีย ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลและเครื่องมือ Machine Learning (ML) ของ AWS รวมถึง Amazon SageMaker ในการแปลงภาพและวิดีโอให้เป็นข้อมูลดิจิทัลที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งโซลูชันคอมพิวเตอร์วิชันชื่อ SamurAI ที่ทำงานบน AWS ของสตาร์ทอัพนี้มีให้บริการบน AWS Marketplace ด้วย Lim Chee How ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tapway กล่าวว่า “การเปิดตัว AWS Region ในมาเลเซียช่วยลดระยะเวลาในการรับส่งข้อมูล ทำให้เราสามารถเข้าถึงบริการคลาวด์ที่ใช้ขับเคลื่อนและขยายแพลตฟอร์ม AI วิชันที่เติบโตอย่างรวดเร็วของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านการจัดการข้อมูล เรามีความยินดีกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของ AWS ในมาเลเซีย เพราะจะช่วยให้ Tapway สามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นในการสร้าง ฝึกอบรม และนำเทคโนโลยีระบบ AI ไปใช้งานได้อย่างรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย โดยที่ข้อมูลขนาดใหญ่ของพวกเขาจะถูกจัดเก็บไว้ภายในประเทศมาเลเซีย”
การพัฒนาทักษะให้แก่บุคลากรในมาเลเซีย
ตั้งแต่ปี 2560 AWS ได้มุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรในมาเลเซียเพื่อรองรับทักษะด้านคลาวด์ โดยได้ฝึกอบรมไปแล้วกว่า 100,000 คน นอกจากนี้ AWS ยังมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างทักษะให้แก่นักพัฒนา นักเรียน และผู้นำด้านไอทีรุ่นต่อไปในมาเลเซีย ให้มีทักษะเพียบพร้อมด้านคลาวด์อันเป็นที่ต้องการผ่านโครงการเช่น AWS Skills, Job Tech Alliance, และโปรแกรมฝึกอบรมของ AWS Training & Certification เช่น AWS Academy ผ่านโปรแกรม AWS Academy สถาบันอุดมศึกษาสามารถเข้าถึงหลักสูตรคลาวด์คอมพิวติ้งที่พร้อมสอน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่นักศึกษาในการสอบรับประกาศนียบัตรที่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมและการสมัครงานในสายอาชีพที่เป็นที่ต้องการ ปัจจุบัน AWS Academy เปิดสอนหลักสูตรในมหาวิทยาลัย 49 แห่งในมาเลเซียตะวันออกและตะวันตก รวมถึง Asia Pacific University of Technology and Innovation (APU), Tunku Abdul Rahman University of Management and Technology (TAR UMT) และ Universiti Teknologi Malaysia ที่ครอบคลุมเนื้อหาด้านพื้นฐานระบบคลาวด์ การออกแบบสถาปัตยกรรมบนระบบคลาวด์ การดำเนินงานบนคลาวด์ การพัฒนาระบบคลาวด์ และวิศวกรรมข้อมูล รวมถึงแมชชีนเลิร์นนิง ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 2561 AWS Academy ได้ฝึกอบรมนักเรียนไปแล้วกว่า 25,000 คน
ในเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา AWS และ PayNet ได้ประกาศเปิดตัวโปรแกรม AKAR ต่อเนื่องมาจากโครงการ AWS re/Start ซึ่งเป็นโครงการใหม่ในมาเลเซียเพื่อเสริมสร้างทักษะด้านคลาวด์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะคลาวด์มาเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลของมาเลเซีย AKAR เป็นโปรแกรมแรกที่มอบทักษะคลาวด์โดยเน้นไปที่บริการทางการเงิน โดยโปรแกรมได้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้เรียนระดับขั้นพื้นฐาน ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมนาน 47 วัน ผู้เรียนที่ได้ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับใบรับรอง AWS Cloud Practitioner Certification พร้อมทักษะเพื่อประกอบอาชีพด้านบริการทางการเงิน PayNet และ AWS เปิดรับผู้เรียนกลุ่มแรกจากมหาวิทยาลัย Asia Pacific University ในเดือนกรกฎาคม 2567 โดยผู้เรียนกลุ่มนี้จะได้รับโอกาสในการฝึกงานกับองค์กรต่าง ๆ ในเครือข่ายของบริษัท PayNet เมื่อเสร็จสิ้นโปรแกรม
AWS ยังช่วยส่งเสริมองค์กร อย่าง PETRONAS เพื่อปรับตัวสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ผ่าน AWS Skills Guild ซึ่งเป็นโปรแกรมให้คำปรึกษาที่ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ริเริ่มการเปิดใช้งานระบบคลาวด์ได้อย่างง่ายดาย โดยมีรากฐานมาจากการประยุกต์ใช้ทักษะและการพัฒนาชุมชน นอกจากนี้ PETRONAS กำลังฝึกอบรมพนักงานของตนในด้านพื้นฐานระบบคลาวด์ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมออนไลน์ที่เปิดให้เรียนรู้ด้วยตนเอง
ความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน
Amazon มุ่งมั่นที่จะเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้นและบรรลุคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในการดําเนินงานภายในปี 2583 10 ปีก่อนเป้าหมายในความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ The Climate Pledge Amazon เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นผู้ลงนามคนแรกของ The Climate Pledge ในปี 2562 และต่อมาในช่วงธันวาคม 2566 บริษัท PKT Logistics Group ได้เป็นบริษัทสัญชาติมาเลเซียรายแรกที่ได้ลงนามใน The Climate Pledge
ในเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา Amazon ได้ประกาศบรรลุเป้าหมายในการชดเชยการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดสำหรับการดำเนินงานทั่วโลกของ Amazon ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์ข้อมูล อาคารบริษัท ร้านค้า Amazon และศูนย์ fulfillment center ด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2566 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเจ็ดปีจากที่เดิมตั้งเป้าไว้ในปี 2573 เพื่อให้มาถึงจุดนี้ Amazon ได้กลายเป็นผู้ซื้อพลังงานหมุนเวียนระดับองค์กรรายใหญ่ที่สุดของโลกมาตั้งแต่ปี 2563 และโครงการพลังงานสะอาดต่าง ๆ เช่นฟาร์มกังหันลมและโซลาร์ฟาร์ม มีส่วนช่วยกระตุ้นการลงทุนทางเศรษฐกิจทั่วโลกมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2565 นอกจากนี้ AWS จะคืนน้ำสะอาดสู่สิ่งแวดล้อมมากกว่าที่นำมาใช้ภายในปี 2573
AWS ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบศูนย์ข้อมูล การลงทุนในชิปที่เหมาะกับแต่ละการใช้งาน และการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น จากการศึกษาใหม่ที่ AWS จัดทำร่วมกับ Accenture คาดว่าโครงสร้างพื้นฐานของ AWS จะปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า 4.1 เท่า เมื่อเทียบกับระบบ on-premise และเมื่อมีการย้ายงานมาอยู่บนระบบ AWS ลูกค้าสามารถลดการปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจก (carbon footprint) ได้มากถึง 99% AWS Asia Pacific (Malaysia) Region แห่งใหม่นี้ ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถรับประโยชน์จากนโยบายด้านความยั่งยืนอื่น ๆ ของ AWS อีกด้วย ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความยั่งยืนของ AWS ได้ที่ aws.amazon.com/about-aws/sustainability