นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งสร้างการเติบโตระยะยาว ก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารในระดับภูมิภาคอาเซียนด้วยการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยประเทศสิงคโปร์ถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคให้ความสำคัญกับอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง นอกจากนี้นโยบายด้านความมั่นคงทางอาหารของรัฐบาลสิงคโปร์ที่ตั้งเป้าผลิตอาหารภายในประเทศให้ได้ 30% ของความต้องการภายในปี 2573 ยังสนับสนุนการเติบโตของผู้ผลิตในประเทศ
เบทาโกร จึงเห็นโอกาสสำคัญในการเข้าซื้อกิจการบริษัท Eggriculture Foods Limited หรือ Eggriculture ผู้ผลิตไข่ไก่ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ด้วยงบลงทุนกว่า 1,900 ล้านบาท โดยโครงสร้างของผู้ถือหุ้น เบทาโกรอยู่ที่ 75% และ Radiant Grand International Limited (RGI) อยู่ที่ 25% ทั้งนี้ Eggriculture มีส่วนแบ่งตลาด 20%
ณ สิ้นปีงบประมาณ 2567 อีกทั้งยังมีผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปี (2564-2566) อย่างแข็งแกร่ง โดยมีอัตราการเติบโตของรายได้ 27.1% ต่อปี (CAGR) ในปีงบประมาณล่าสุด จึงคาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อผลประกอบการรวม (P&L) ในทันที และส่งผลดีต่อการเพิ่มความสามารถทำกำไรโดยรวมของกลุ่มบริษัทเบทาโกรอย่างมีนัยสำคัญ
นายชยธร แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานกลยุทธ์และนวัตกรรม บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการ Eggriculture ครั้งนี้ เป็นการนำศักยภาพของทั้งสองบริษัทฯ มาผนึกกำลังสร้าง Synergy ในหลายมิติ โดยเบทาโกรจะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 57 ปี ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารและเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจรชั้นนำระดับสากล มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ Eggriculture ในด้านการจัดการฟาร์ม การพัฒนาสายพันธุ์สัตว์ สูตรอาหารสัตว์ และการใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อเพิ่มผลผลิต นอกจากนี้
ยังมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารให้หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการและรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างความมั่นใจในผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงตามมาตรฐานสากลให้กับผู้บริโภคทุกคน
ขณะที่ Eggriculture ผู้ผลิตไข่ไก่ครบวงจรรายใหญ่ในสิงคโปร์ ซึ่งมีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ทั้งในช่องทางการขายปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) และช่องทางการบริการอาหาร (HORECA) ครอบคลุมทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และบริการจัดเลี้ยง จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์สินค้าของเบทาโกรเป็นที่รู้จักและขยายฐานลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น
“เบทาโกรเชื่อว่าการสร้าง Synergy กับ Eggriculture ครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับภูมิภาคอาเซียน ผ่านการส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดให้ผู้บริโภคในประเทศสิงคโปร์
โดยบริษัทฯ คาดการณ์รายได้ในประเทศสิงคโปร์ปี 2568 จะเติบโต 400% เมื่อเทียบกับปี 2567 พร้อมตั้งเป้าก้าวสู่
การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารระดับภูมิภาคอาเซียน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายชยธร กล่าว
มิสเตอร์ หม่า ชิน ชิว, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Eggriculture กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเบทาโกร และเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ Eggriculture ในการเพิ่มศักยภาพการผลิตไข่ไก่ที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคสิงคโปร์ที่ต้องการอาหารคุณภาพและความปลอดภัย การที่เบทาโกรมีความรู้เชิงลึกและประสบการณ์ที่หลากหลายในอุตสาหกรรมอาหาร จะช่วยให้เราสามารถเสริมสร้างโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และตอบสนองต่อนโยบายด้านความมั่นคงทางอาหารของรัฐบาลสิงคโปร์ได้อย่างเต็มรูปแบบ”
เกี่ยวกับบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)
เบทาโกร บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทย ที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคนด้วยอาหารที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน ดำเนินธุรกิจครบวงจรครอบคลุมตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร ตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ ปศุสัตว์ การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และปลา และอาหารแปรรูปที่เกี่ยวข้อง สำหรับการบริโภคในประเทศและส่งออกไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีการขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมา ตลอดจนการดำเนินงานด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนา การติดตามและควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ ภายใต้ระบบการจัดการคุณภาพเบทาโกร (Betagro Quality Management – BQM) รวมถึงมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ขั้นสูงที่ได้การรับรองและเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากลและให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals – SDGs) และดำเนินการภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน