ใช้สิทธิ FTA  ปี 2567 อาเซียนครองแชมป์ส่งออกสูงสุด

Date:

การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ตลอดทั้งปี 2567 มูลค่าส่งออกรวม   อยู่ที่ 83,285.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.83 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 83.81% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไทยได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 2.05% โดยเป็นการส่งออกไปยังอาเซียนภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) สูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 31,438.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 78.35% อันดับสองเป็นการใช้สิทธิฯ ภายใต้ความ  ตกลงอาเซียน – จีน (ACFTA) มูลค่า 22,582.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 89.74% อันดับสามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 6,725.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 82.98 % อันดับสี่ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 6,209.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 66.40% อันดับห้า ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 6,163.70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 59.05% 

นางอารดาฯ สรุปภาพรวมสินค้าที่มีการส่งออกภายใต้ FTA ว่า ในปี 2567 การส่งออกแบ่งเป็นสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ อยู่ที่ 23,030.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 27.65% ของมูลค่าการส่งออกภายใต้ FTA 12 ฉบับที่กรมฯ ติดตามการใช้สิทธิฯ จากทั้งหมด 14 ฉบับที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันของไทย และสินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่า 60,254.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 72.35% โดยมีสินค้าสำคัญที่มูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงที่สุดภายใต้ความตกลง FTA ทั้งหมดของไทย 5 อันดับแรก คือ ยานยนต์สำหรับขนส่งของอื่น ๆ (ที่มีเครื่องดีเซลหรือกึ่งดีเซล) น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน มูลค่า 6,426.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทุเรียนสด มูลค่า 4,342.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยางสังเคราะห์และแฟกติชที่ได้จากน้ำมัน มูลค่า 2,284.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เครื่องจักรอัตโนมัติ มูลค่า 1,573.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเนื้อไก่ปรุงแต่ง มูลค่า 1,556.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ สินค้าที่มีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าสนใจในปี 2567 คือ เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ ที่มีสัดส่วนการเติบโตถึง 51.80% จากปีก่อน มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 1,573.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งออกไปภายใต้ FTA 7 ฉบับ 3 อันดับแรกเป็นความตกลงอาเซียน มูลค่า 1,550.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาเซียน-เกาหลี มูลค่า 7.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาเซียน-อินเดีย มูลค่า 6.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ 

นางอารดาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA โดยได้เดินหน้าเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้าใหม่ ๆ เพื่อขยายตลาดการส่งออกให้กับผู้ประกอบการไทย โดยในปี 2568 นี้ ไทยจะมี FTA เพิ่มขึ้นอีก 3 ฉบับ ได้แก่ ไทย-ศรีลังกา ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ภายในปีนี้ เลื่อนจากกำหนดเป้าหมายเดิมในเดือนมีนาคม 2568 เพื่อรอความพร้อมจากฝ่ายศรีลังกา และไทย-สมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) ซึ่งประกอบด้วยประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ที่ได้ลงนามไปแล้วและอยู่ระหว่างการดำเนินการภายในประเทศเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในปี 2569 และล่าสุด ไทย-ภูฏาน ที่ได้เจรจาจนได้ผลสำเร็จแล้วเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการลงนามในช่วงเดือนเมษายน 2568 ดังนั้น กรมการค้าต่างประเทศขอเน้นย้ำว่าการใช้สิทธิ FTA จะมีส่วนช่วยในการลดต้นทุนทางภาษี สามารถสร้างแต้มต่อทางการค้า และขยายตลาดการส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการไทยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ภาวการณ์แข่งขันของการค้าระหว่างประเทศที่มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศพร้อมให้ข้อมูลและคำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้า ผู้ประกอบการสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Facebook “กรมการค้าต่างประเทศ DFT” หรือที่เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือโทรสายด่วน 1385 รวมถึงไลน์แอปพลิเคชัน ชื่อบัญชี “@gsp_helper

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

“ปลัดคลัง” บอกลง “คนละครึ่งพลัส” 20 ล้านสิทธิ์เหมาะสม

“ปลัดคลัง” บอกลง “คนละครึ่งพลัส”  20 ล้านสิทธิ์เหมาะสม ไม่ต้องกังวลลงไม่ทัน หากมีคนไม่ผ่านเปิดลงทะเบียนเพิ่ม

“อภิสิทธิ์” ประชุมกก.บริหารพรรค ครั้งแรก

“อภิสิทธิ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประชุมกก.บริหารพรรค ครั้งแรก

“อรรถพล” สั่งลดราคาดีเซล 50 สตางค์ เบนซินลง 30 สตางค์

“อรรถพล”สั่งลดราคาดีเซลลง 50 สตางค์/ลิตร และเบนซินลง 30 สตางค์/ลิตร เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน

นายกฯ อนุทิน แย้มแล้วมี คนละครึ่งพลัส เฟส 2

นายกฯ ชี้ กระแสดี ปชช. แห่ลงทะเบียน คนละครึ่งพลัส เผย รมว.คลังเตรียมเฟส 2 รอแล้ว