
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ ด่านพรมแดนถาวรช่องเม็ก ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดน และคุมเข้มมันสำปะหลังที่นำเข้าผ่านด่านชายแดน
นายพิชัย เปิดเผยว่า ตลาดมันสำปะหลังยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีความต้องการสูง สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร แอลกอฮอล์ และอาหารสัตว์ โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึง 19 มีนาคม 2568 ยอดสั่งซื้อมันเส้นและมันอัดเม็ดรวม 1.74 ล้านตัน มูลค่า 10,981 ล้านบาท และคาดว่าสามารถส่งออกแป้งมันสำปะหลังได้อีก 1.05 ล้านตัน มูลค่า 16,011 ล้านบาท ซึ่งช่วยดูดซับผลผลิตหัวมันสดในประเทศกว่า 8.71 ล้านตัน
รมว.พาณิชย์ ระบุเพิ่มเติมว่า เพื่อปกป้องพี่น้องเกษตรกรไทย กระทรวงพาณิชย์ได้เพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบมาตรฐานมันสำปะหลังที่นำเข้า รวมถึงการขนย้ายข้ามเขตชายแดน โดยในเดือนมกราคม 2568 ปริมาณนำเข้าลดลงถึง 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในที่ประชุม ตนยังได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศ เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบคุณภาพมันสำปะหลังนำเข้า ให้กรมการค้าภายในตรวจสอบน้ำหนักมันสำปะหลังนำเข้าว่าเป็นไปตามใบอนุญาตหรือไม่ และให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด กำกับดูแลผู้ประกอบการโรงแป้งและโรงแอลกอฮอล์ให้รับซื้อตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งมาตรฐาน เพื่อช่วยให้เกษตรกรขายมันสำปะหลังได้ราคาที่เป็นธรรม ป้องกันสินค้าไร้คุณภาพทะลักเข้าตลาด พร้อมยกระดับมาตรฐานการค้าของไทยในตลาดโลก
นอกจากนั้น กรมการค้าภายใน ยังมีมาตรการควบคุมการขนย้ายหัวมันสำปะหลังสดและมันเส้น โดยกำหนดห้ามมิให้บุคคลใด ขนย้ายหัวมันสำปะหลังสด หรือมันเส้น ซึ่งมีปริมาณครั้งละตั้งแต่ 10,000 กิโลกรัมขึ้นไป เข้ามาหรือออกจากท้องที่ที่กำหนดไว้ 60 อำเภอ 16 จังหวัด เว้นแต่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน ระวางโทษ คือจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,00 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“วันนี้ ตั้งใจมาดูให้เข้มงวดและกวดขันเรื่องการนำเข้ามันสำปะหลัง ซึ่งตอนนี้พี่น้องเกษตรกรมีปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ เราจะมาช่วยกันแก้ไขในหลายด้าน และทำให้การค้าขายผ่านด่านช่องเม็กมีความสะดวกยิ่งขึ้น เพราะการค้าชายแดนและผ่านแดนในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 1.81 ล้านล้านบาท โตขึ้น 6.1% ยิ่งมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้น เราก็ยิ่งได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้น และการส่งออกไปอาเซียนในอนาคตจะมีมูลค่าการค้าสูงถึง 30-40% ของการส่งออกไทย จะเป็นช่องทางที่เป็นประโยชน์ในอนาคต แม้ด่านช่องเม็กยังไม่มีสินค้าด้อยคุณภาพผ่านทางนี้แต่ได้ให้ป้องกันไว้เพราะสินค้าด้อยคุณภาพเป็นเรื่องที่ SME ไทยให้ความกังวล ซึ่งเราก็แจ้งให้ทางด่านช่องเม็กและด่านอื่นๆช่วยกันควบคุมสินค้าด้อยคุณภาพที่ผ่านชายแดน เพื่อป้องกันไม่ให้ SME ไทยได้รับผลกระทบ” นายพิชัย กล่าว
ทั้งนี้ ด่านถาวรช่องเม็ก เป็นจุดผ่านแดนไทย-ลาว ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากตัวจังหวัด ราว 90 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ชายแดนติดต่อระหว่างไทยกับลาว ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนจุดเดียวในภาคอีสาน ที่สามารถเดินทางไปประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยทางพื้นดิน ในขณะที่จุดอื่นจะต้องข้ามลำน้ำโขง
ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2568 ด่านศุลกากรช่องเม็ก มีการส่งออกมูลค่า 3,393 ล้านบาท นำเข้า มูลค่า 5,880 ล้านบาท โดยมีสินค้าที่นำเข้าสูงสุดผ่านด่านช่องเม็ก ประกอบด้วย 1.มันสำปะหลัง(มันเส้น) 2.พลังงานไฟฟ้า 3.เมล็ดกาแฟดิบอาระบิก้า 4.มันสำปะหลัง(หัวมันสด) 5.เมล็ดกาแฟดิบโรบัสต้า และสินค้าส่งออกสูงสุด ประกอบด้วย 1.น้ำมันเชื้อเพลิง 2.พลาสติก(บรรจุภัณฑ์และของใช้จากพลาสติก) 3.รถไถนา 4.รถยนต์ และ 5.นมกล่องและเครื่องดื่มอื่นๆ
โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนไทยอยู่ที่ 154,354 ล้านบาท ขยายตัว 19.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก 86,020 ล้านบาท (+20.8%) และนำเข้า 68,334 ล้านบาท (+18.8%) ส่งผลให้ 2 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 299,494 ล้านบาท (+10.9%) สำหรับการค้าชายแดนเดือนกุมภาพันธ์ มีมูลค่ารวม 86,543 ล้านบาท (+8.9%) โดยแบ่งเป็น สปป.ลาว 28,078 ล้านบาท (+8.4%) มาเลเซีย 25,401 ล้านบาท (+15.6%) เมียนมา 17,470 ล้านบาท (-3.3%) และกัมพูชา 15,594 ล้านบาท (+15.0%) ขณะที่การค้าผ่านแดน มีมูลค่ารวม 67,811 ล้านบาท (+37.7%) โดยตลาดจีนขยายตัวสูงสุดที่ 38,537 ล้านบาท (+55.5%) รองลงมาคือ สิงคโปร์ 10,102 ล้านบาท (+48.8%) และเวียดนาม 5,583 ล้านบาท (+20.6%)