เอ. เอส. วัตสัน ทุ่ม 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พลิกโฉม Supply Chain

Date:

เอ. เอส. วัตสัน กรุ๊ป ในฐานะกลุ่มบริษัทที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมค้าปลีกในเอเชีย และเคยได้รับ 8 รางวัลระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น รางวัล Health & Beauty Retailer of the Year – Asia Award และ รางวัล Omnichannel Strategy of the Year Asia Award จากเวทีระดับภูมิภาค Retail Asia โดยมี วัตสัน เป็นแบรนด์ระดับเรือธงของกลุ่มบริษัทซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์ร้านเภสัช/ร้านขายยาอันดับ 1 ของเอเชียเป็นปีที่ 13 ติดต่อกัน จาก Campaign Asia และในปีที่ผ่านมา WeChat แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ยังได้จัดให้ เอ. เอส. วัตสัน กรุ๊ป เป็นบริษัทที่มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง หรือ Digital Transformation Pioneer Company อีกด้วย นอกจากนี้ จากผลการปฏิบัติงานล่าสุดของ CK Hutchison ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เอ. เอส. วัตสัน กรุ๊ป และยังเป็นผู้ค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามรายใหญ่ที่สุดของโลก พบว่า บริษัทมีรายรับเพิ่มขึ้น 22% และ 13% จากการดำเนินงานในเอเชียและยุโรป ตามลำดับ แล้วอะไรคือปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ เอ. เอส. วัตสัน สามารถรับมือกับความท้าทายด้านวิกฤตการณ์โรคระบาดในธุรกิจค้าปลีกในช่วงสองปีที่ผ่านมาและยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมการค้าปลีกอยู่ได้?

พัฒนาบุคคลเพื่อรับมือกับความท้าทาย

คุณมาลิน่า ไหง ประธานกรรมการบริหารของ เอ.เอส. วัตสัน (เอเชียและยุโรป) กล่าวสะท้อนถึงบทเรียนสำคัญที่ได้เรียนรู้ว่า “ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีคู่มือช่วยให้คำแนะนำใดๆ ในการจัดการกับความท้าทายต่างๆ ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่เราโชคดีที่เรามีบุคคลากรและลูกค้าของเรา ตลอดจนกลยุทธ์ O+O ที่เราได้พัฒนาขึ้น คอยให้การสนับสนุน ซึ่งเราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตการณ์ดังกล่าว”

“เรายังเชื่อมั่นในการแสดงความรักและความห่วงใยต่อผู้คน โดยในปัจจุบันเรามีพนักงาน 130,000 คนทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ทำงานอยู่หน้าร้าน และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ดำเนินมากว่า 30 เดือนที่ผ่านมา เราสามารถพูดได้เต็มปากว่า เราได้ให้ความสำคัญและความทุ่มเทในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย การสื่อสารเชิงรุก และให้ความมั่นคงทางการเงินแก่พนักงานของเรามาโดยตลอด แม้แต่ในช่วงเวลาที่ตลาดต้องถูกปิดลง ซึ่งเราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้บุคลากรของเรามีความเข้มแข็งในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์โรคระบาดดังกล่าว” และในฐานะส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของบริษัทในการให้ความสำคัญในเรื่องบุคคลท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น เอ. เอส. วัตสัน ยังคงมุ่งมั่นเพื่อส่งเสริมความหลากหลาย รวมถึงทำความเข้าใจความต้องการของผู้หญิงให้มากขึ้น เพื่อยกระดับวิถีชีวิตของบุคลากรตลอดจนลูกค้าของเรา นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทยังได้ประกาศแผนการสร้างงาน 200,000 ตำแหน่งทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งจะช่วยให้เยาวชนได้รับประสบการณ์อันมีค่าเพื่อพัฒนาอาชีพในธุรกิจด้านการค้าปลีกต่อไป

การลงทุน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อปฎิรูป Supply Chain ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

เอ. เอส. วัตสัน กรุ๊ป เดินหน้าพัฒนาสู่ความเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมาตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2555 ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปในการซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม โดยทางกลุ่มบริษัทไม่เพียงแต่ลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบการค้าปลีก การจัดการข้อมูล (Big Data) เทคโนโลยีคลาวด์(Cloud Technology) และความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์แล้ว แต่ยังมุ่งมั่นพลิกโฉม Supply Chain ด้านการค้าปลีกแบบ O+O ซึ่งยังช่วยให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงสถานการณ์การระบาดอีกด้วย

คุณไหงอธิบายว่า “Supply Chain เป็นหลักสำคัญของเราในการมอบประสบการณ์ชอปปิ้งที่ไร้รอยต่อแบบ O+O ให้แก่ลูกค้าในช่วงการแพร่ระบาด โดยเราได้ปรับรูปแบบการทำงานของพนักงานทั่วโลกอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับคำสั่งซื้อออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้นโดยสามารถดำเนินการตามคำสั่งซื้อได้มากกว่า 50% และการเข้ามารับสินค้าได้เกือบ 100% ผ่านเครือข่ายร้านค้า 16,000 แห่งของเรา พร้อมกันนี้ยังมีตัวเลือกที่หลากหลายในการจัดส่งภายใน 30 นาที ซึ่งถือเป็นมาตรฐานการจัดส่งที่เร็วที่สุด”

“ถึงแม้เราไม่สามารถคาดการณ์วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นได้ แต่เรามีวิสัยทัศน์ที่ดำเนินมาตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนใน การสร้างธุรกิจให้เป็นแพลตฟอร์ม O+O ที่เชื่อมประสานประสบการณ์ชอปปิ้งแบบไร้รอยต่อ ดังนั้น เราจึงรู้ว่าเราต้องสร้างเครือข่าย Supply Chain ที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลางได้อย่างไร ซึ่งในปัจจุบันเรามีเครือข่ายคลังสินค้าหลักเกือบ 90 แห่ง และเรายังได้ลงทุนเม็ดเงินกว่า 400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อปฏิรูปการวางแผน การคาดการณ์ความต้องการผ่านเครื่องมือต่างๆ ตลอดจนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการมองเห็นสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ (Real-Time) การปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถของ Supply Chain ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจของเรามีความคล่องตัวยิ่งขึ้น และนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีในช่วงการแพร่ระบาด ตลอดจนช่วยให้ธุรกิจของเราสามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดที่เต็มไปด้ายการแข่งขันได้”

ความพึงพอใจของลูกค้า คือ KPI สำคัญสำหรับกลยุทธ์ O+O

ในธุรกิจค้าปลีก ความพึงพอใจของลูกค้ามีความสำคัญแค่ไหน และเราจะมีวิธีวัดสิ่งนี้ได้อย่างไร?

“เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ การวัดผลจากจำนวนลูกค้าที่เข้าสาขาหรือบนออนไลน์ การทำธุรกรรม จำนวนลูกค้าที่ใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายและผลกำไรอาจเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญมากกว่า” คุณไหงกล่าวต่อ

“เราทำงานเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและใกล้ชิดกับลูกค้าหลายพันล้านรายที่ซื้อสินค้ากับเราทุกปี โดยในจำนวนนี้ 142 ล้านคนเป็นลูกค้าประจำที่เป็นสมาชิก ซึ่งเราพบว่า พวกเขามักมีความต้องการในสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเอง ต้องการความใส่ใจ รวมถึงต้องการสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขาอย่างแท้จริง (Personalization) ดังนั้น เราจึงต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเราเข้าใจ ใส่ใจ และต้องการเข้าถึงพวกเขาแน่นแฟ้นมากขึ้น”

“เราจึงไม่จำเป็นต้องใช้นักชอปปริศนา (Mystery shopper) แบบเดิมๆ ในการสำรวจตลาดอีกต่อไป เพราะข้อมูลจากลูกค้าตัวจริงสำคัญกว่า! ในทุกๆ เดือน เราจึงได้ทำการสำรวจข้อมูลลูกค้าในทุกๆ ตลาด ซึ่งเราเรียกข้อมูลเหล่านั้นว่า คะแนนความใส่ใจลูกค้า หรือ Customer Love Score โดยจากข้อมูลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า ลูกค้าของเรามีความพึงพอใจต่อประสบการณ์ชอปปิ้งแบบ O+O ของเรา เพิ่มขึ้นจาก 87 คะแนน เป็น 90.5 คะแนน จากคะแนนรวมทั้งสิ้น 100 คะแนน เฉพาะปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียว เราได้เสียงตอบรับจากลูกค้ามากกว่า 4 ล้านราย ที่ซื้อสินค้ากับเราทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งในจำนวนนี้ ลูกค้ากว่า 60% ให้คะแนนเราถึง 100 คะแนน ดังนั้น เราจึงได้เพิ่ม Customer Love Score ให้เป็นอีกหนึ่งใน KPI ที่สำคัญในทุกๆ ธุรกิจ ของเรา ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำเป้าหมายของบริษัทในการสร้างรอยยิ้มให้กับของลูกค้าของเราทั้งในวันนี้สู่วันพรุ่งนี้และในทุกๆ วัน”

เมื่อมองไปข้างหน้า เรายังจะพบว่า การค้าปลีกออนไลน์จะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมการชอปของลูกค้าในยุคปัจจุบัน โดยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นยิ่งตอกย้ำว่า ลูกค้ายังคงมีความต้องการในการมีความสัมพันธ์ต่อกันและกัน (human connection) ซึ่งเราจึงจำเป็นต้องปรับปรุงรูปแบบการขายปลีกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่จับต้องได้ มีความเป็นมิตร และสามารถสื่อสารโต้ตอบกับสินค้าได้ (interactive experiences) ในขณะเดียวกันก็ผสานเข้ากับประสบการณ์ชอปปิ้งแบบออนไลน์และดิจิทัลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อมอบประสบการณ์ชอปปิ้งแบบ O+O ให้กับลูกค้า

“ความมุ่งมั่นของ เอ. เอส. วัตสัน ในการส่งเสริมกลยุทธ์แพลตฟอร์ม O+O จะยังคงเป็นจุดแข็งในการดำเนินธุกิจในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนมากขึ้น เราจะเร่งเปลี่ยนโฉม Supply Chain ของเราเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในด้านความจุของคลังสินค้า เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติต่างๆ ประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า ตลอดจนการใช้ระบบ AI ในการจัดการสินค้าคงคลัง และการคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ เรายังจะเดินหน้าสร้างความร่วมมือระดับนานาชาติกับบริษัทต่างๆ ที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ และมีความเป็นเลิศในด้าน Supply Chain ต่อไป”

Share post:

spot_img

Related articles

แนะรัฐบาลขึ้นภาษี VAT พาเศรษฐกิจพ้นหายนะ 

อดีต รมว.คลัง แนะรัฐบาลใหม่ขึ้นภาษี VAT เพิ่มรายได้ประเทศแสนล้าน พาเศรษฐกิจพ้นหายนะ

ครม.สืบสันดาน ถูกต้องเหมาะสมแล้ว

“นายเทพไท เสนพงศ์” บอก ครม.สืบสันดาน ถูกต้องเหมาะสมแล้ว

รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง จะรอดข้ามปีมั้ย???

“นายเทพไท เสนพงศ์” ตั้งข้อสังเกต รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง จะรอดข้ามปีมั้ย???

ทีทีบี ออกมาตรการสินเชื่อช่วยเหลือลูกค้าน้ำท่วม

ทีทีบี ออกมาตรการ “ตั้งหลัก” ช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ปรับโครงสร้างหนี้ และขยายเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 6 เดือน

Notice: ob_end_flush(): Failed to send buffer of zlib output compression (0) in /home/ozapeumy/public_html/wp-includes/functions.php on line 5427