IRCAI และ AWS ขยายโครงการ Compute for Climate Fellowship

Date:

ศูนย์วิจัยนานาชาติด้านปัญญาประดิษฐ์ (International Research Centre on Artificial Intelligence: IRCAI) องค์กรภายใต้การสนับสนุนของ UNESCO ร่วมกับ Amazon Web Services, Inc. (AWS) ประกาศเปิดรับสมัครชิงทุนภายใต้โครงการ Compute for Climate Fellowship ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกที่ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาแก่สตาร์ทอัพที่นำเทคโนโลยีคลาวด์ขั้นสูงและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ เพื่อต่อสู้กับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ในปีนี้ โครงการได้ขยายจำนวนสตาร์ทอัพที่จะได้รับคัดเลือกจากทั่วโลกเป็น 20 ราย เพิ่มขึ้นจาก 8 รายในปี 2567 และ 4 รายในปี 2566 โดยสตาร์ทอัพที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับทุน proof of concept ในการพัฒนาต้นแบบโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของทั้ง AWS และ IRCAI

ดาวอร์ ออร์ลิช (Davor Orlic) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ IRCAI กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในการสนับสนุนสตาร์ทอัพด้วยทรัพยากรและองค์ความรู้ที่จำเป็น และในปีนี้เรามุ่งยกระดับการสนับสนุนให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น การขยายโครงการครั้งสำคัญนี้ไม่เพียงเพิ่มโอกาสให้สตาร์ทอัพได้รับการคัดเลือกมากขึ้น แต่ยังครอบคลุมโซลูชันด้านสภาพภูมิอากาศและการประยุกต์ใช้ AI ที่หลากหลายมากขึ้น เราเชื่อว่านวัตกรรมที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้เมื่อแนวคิดที่ท้าทายได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ และเรามุ่งมั่นที่จะวางรากฐานสำคัญนี้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

ลิสเบธ คอฟแมน (Lisbeth Kaufman) หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศของ AWS กล่าวว่า “ในขณะที่วิกฤตสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจำเป็นต้องส่งเสริมการพัฒนาโซลูชันที่หลากหลายและสร้างสรรค์เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ นั่นคือเหตุผลที่เราขยายขอบเขตของโครงการ Compute for Climate Fellowship เพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพมากขึ้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราได้เห็นศักยภาพอันน่าทึ่งของการประมวลผลคลาวด์ขั้นสูงและ AI ในการสร้างนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (smarter grids) การใช้ Generative AI ในการค้นพบพันธุ์พืชที่ทนต่อสภาพอากาศแปรปรวน หรือการใช้โดรนใต้น้ำสำรวจมหาสมุทร ด้วยเหตุนี้ เราจึงเพิ่มการลงทุนในปี 2568 พร้อมมอบทรัพยากรและคำแนะนำที่จำเป็นให้แก่สตาร์ทอัพที่มีวิสัยทัศน์ เพื่อผลักดันแนวคิดที่ท้าทายให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบอย่างยั่งยืน”

โครงการ Compute for Climate Fellowship ประจำปี 2568 เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 โดยเชิญชวนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศ ผู้ประกอบการ และนักวิจัยจากทั่วโลกที่มีแนวคิดในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลขั้นสูงเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกเหนือจาก 8 ด้านหลักที่โครงการครอบคลุมมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ พลังงานสะอาด การขนส่งคาร์บอนต่ำ การเกษตรและอาหารที่ยั่งยืน เศรษฐกิจหมุนเวียน (อุตสาหกรรมและการผลิต) อาคารที่ยั่งยืน การจัดการก๊าซเรือนกระจก การดักจับคาร์บอน และความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ (น้ำ มลพิษ และความหลากหลายทางชีวภาพ) สำหรับปีนี้ โครงการได้เพิ่มขอบเขตใหม่ที่สำคัญ คือ การสนับสนุนโซลูชันจากภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

ชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง แม้จะมีส่วนก่อให้เกิดวิกฤตน้อยที่สุด แต่พวกเขากลับเป็นผู้ที่มีความเข้าใจอันลึกซึ้งเกี่ยวกับระบบนิเวศ และสั่งสมภูมิปัญญาในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนมาหลายชั่วอายุคน องค์ความรู้อันทรงคุณค่านี้สามารถนำมาผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อพัฒนาเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ โครงการของเราจึงให้ความสำคัญกับการสนับสนุนแนวคิดและนวัตกรรมจากชุมชนท้องถิ่นเหล่านี้ โดยจะเป็นส่วนสำคัญของผู้เข้าร่วมโครงการในปี 2568

สตาร์ทอัพที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ Compute for Climate Fellowship จะได้รับทุนสนับสนุน Proof of concept (POC) ทรัพยากรทางเทคนิค คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ การเข้าถึงเทคโนโลยีของ AWS และการสนับสนุนด้านการวิจัยจาก IRCAI ในปีนี้ AWS ได้จัดสรรเครดิตมูลค่ารวม 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาต้นแบบ POC ของโครงการที่ได้รับคัดเลือก โดยกระบวนการคัดเลือกจะให้ความสำคัญกับโครงการที่สามารถพัฒนาต้นแบบให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือน มีแนวคิดที่ก้าวล้ำและสร้างสรรค์ และมีศักยภาพในการสร้างประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ สามารถขยายผลในวงกล้าง และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ

ผลกระทบที่ยั่งยืนในระดับโลก

RealtaFusion เป็นหนึ่งใน 12 สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี ที่ได้เข้าร่วมโครงการ Compute for Climate Fellowship ตั้งแต่เริ่มดำเนินการในปี 2566 สตาร์ทอัพที่เติบโตจากการบ่มเพาะของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสันแห่งนี้ ได้พัฒนาอุปกรณ์พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันจนสามารถสร้างพลาสมาได้ในระดับที่ทำลายสถิติโลกเมื่อปีที่ผ่านมา นับเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันให้เป็นแหล่งพลังงานสะอาดแห่งอนาคต เคียแรน เฟอร์ลอง (Kieran Furlong) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง RealtaFusion กล่าวว่า “โครงการ Compute for Climate Fellowship ช่วยให้เราสามารถพัฒนาแบบจำลองการรักษาสมดุลพลาสมาที่ไม่เคยมีใครทำบนระบบคลาวด์มาก่อน ทั้งที่ในโลกนี้มีซูเปอร์คอมพิวเตอร์เพียงไม่กี่เครื่องที่สามารถประมวลผลการจำลองในระดับนี้ได้ และการเข้าถึงเครื่องเหล่านั้นก็ต้องรอคิวเป็นเวลานาน โครงการนี้จึงช่วยผลักดันงานวิจัยและพัฒนาของเราให้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว”

บริษัทสตาร์ทอัพ Cosma จากประเทศฝรั่งเศส ได้นำเทคโนโลยีไมโครโดรนใต้น้ำมาใช้ร่วมกับ AI เพื่อสำรวจสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า โดยให้ข้อมูลความละเอียดสูงสำหรับโครงการพลังงานนอกชายฝั่งและการให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม เฟรเดริก มิตแตน (Frédéric Mittaine) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Cosma กล่าวว่า “นอกจากการได้ร่วมงานกับนักพัฒนา AI ที่มีความสามารถจากทั่วโลกแล้ว โครงการ Compute for Climate Fellowship ยังให้ทรัพยากรคลาวด์และความเชี่ยวชาญที่จำเป็นในการพัฒนาอัลกอริทึมตรวจจับสิ่งมีชีวิตหายากใต้ทะเลตัวแรกของเรา ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในวงการชีววิทยาทางทะเล เพราะเปิดโอกาสให้เราสามารถทำการสำรวจเชิงปริมาณและติดตามระบบนิเวศใต้ทะเลได้อย่างต่อเนื่อง”

สำหรับสตาร์ทอัพที่สมัครแต่ไม่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ จะได้รับเครดิต AWS มูลค่าสูงถึง 5,000 ดอลลาร์ผ่านโปรแกรม AWS Activate รวมถึงการเข้าร่วมเวิร์กช็อปและการฝึกอบรมฟรีเกี่ยวกับการใช้บริการการประมวลผลขั้นสูงของ AWS เพื่อพัฒนาโซลูชันของตนเอง นอกจากนี้ยังจะได้รับเชิญให้เข้าร่วม IRCAI Industrial Club อีกด้วย

สามารถส่งใบสมัครได้ที่นี่ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Compute for Climate Fellowship รุ่นปี 2568 สามารถดูได้ที่นี่

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

AOT จับมือ กรุงไทย ยกระดับบริหารการเงินด้วย Krungthai BUSINESS

AOT จับมือ กรุงไทย เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรดิจิทัลเต็มรูปแบบ ยกระดับการบริหารจัดการทางการเงินด้วย Krungthai BUSINESS

กบข. ตอกย้ำยุทธศาสตร์ “เกษียณมีสุข“ สร้างความเข้าใจสมาชิก

กบข. ตอกย้ำยุทธศาสตร์ “เกษียณมีสุข“ สร้างความเข้าใจสินทรัพย์แก่สมาชิก พร้อมเปิดตัวแผนเกษียณสบายใจ ตอบโจทย์สมาชิกใกล้เกษียณ

EXIM BANK ร่วมบรรยายหลักสูตร ESG Leadership

EXIM BANK ร่วมบรรยายหลักสูตร ESG Leadership ส่งเสริมการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน

นายกฯ อนุทิน ประชุม นบข. ปรับโครงสร้างข้าวไทยครั้งใหญ่

นายกฯ อนุทิน ประชุม นบข. ปรับโครงสร้างข้าวไทยครั้งใหญ่ รับดีมานด์จีน–สิงคโปร์ หนุนราคา–เร่งดูดซับส่วนเกิน 3 ล้านตัน