แนะตั้ง War-Room เสียงเดียว เจรจาสหรัฐฯ ขึ้นภาษีไทย 36%

Date:

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โพสต์เฟสบุ๊ก “Pipat Luengnaruemitchai” ระบุว่า 

จดหมายสไตล์ Art of the Deal ที่ฟาดเหมือน “ค่าคุ้มครอง” แล้วบังคับไทยกลับโต๊ะเจรจา

หลังจากขู่มาสามเดือน สหรัฐฯ ส่งจดหมายมาบอกว่า ไทยจะโดนภาษี 36 % กับสินค้าทุกชนิดภายใน 1 สิงหา 

แต่ก็เปิดช่องไว้ว่า ถ้าตัดสินใจเปิดตลาดก็อาจจะพิจารณาลดภาษีลงมาได้ 

เหมือนบอกว่า เขายังไม่พอใจกับการเจรจา และเครื่องราชบรรณาการที่เอามาให้ยังไม่ดีพอ นี่คือจดหมายปฏิเสธข้อเสนออย่างเป็นทางการ แต่ยังเปิดให้เจรจากันได้ต่อ

นี่คงเป็นสิ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์ เรียกว่า the art of the deal

1. เจ็บมากกว่ายอดส่งออกหาย

ปัญหาคือสหรัฐอยู่ในสถานะที่ดีกว่าเราในการเจรจา เพราะเราพึ่งพาสหรัฐมากกว่าสหรัฐพึ่งพาเรา

 • ส่งออก – สหรัฐฯ รับราว 18 % ของมูลค่าส่งออกไทย (กว่า 55 พันล้านดอลลาร์) ถ้าโดนภาษี 36 % คู่แข่งอย่างเวียดนาม-เม็กซิโกพร้อมเสียบ คำสั่งซื้ออาจหายทันที โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กโทรนิคส์ เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์ยาง

 • ภาคการผลิต ที่มีปัญหาความสามารถในการแข่งขันอยู่แล้ว อาจโดนซ้ำเติม แรงงานเสี่ยงโดนเลิกจ้าง หรือต้องย้ายสายการผลิตไปประเทศภาษีต่ำ

 • เสน่ห์ FDI หาย – นักลงทุนคงถามตรง ๆ ว่า “ตั้งโรงงานไทยแล้วต้องโดนภาษี 36 % ทำไมไม่ไปเวียดนาม?” เงินลงทุนเทคโนโลยี EV-AI อาจไหลออกตั้งแต่ยังไม่เปิดสายการผลิต

2. Tradeoff ที่ไม่ง่ายเลย

เรากำลังโดนบังคับให้เลือก (trade off) ระหว่างภาคส่งออกซึ่งสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย กับเปิดตลาดให้สหรัฐเพิ่ม 

ซึ่งอุตสาหกรรมที่เราปกป้องมากที่สุดทั้งภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (เช่น quota และ import bans) คือภาคเกษตร แม้มีสัดส่วนต่อเศรษฐกิจไม่มาก แต่จ้างงานจำนวนมาก และมีผลต่อธุรกิจใหญ่เล็กมหาศาล

การเปิดตลาดคงกระทบต่อชีวิตคนจำนวนมากแน่ๆ

ส่วนอีกเงื่อนไขสำคัญ คือการป้องกันสินค้าจีนสวมสิทธิ์ ซึ่งอาจจะทำให้กระทบความสัมพันธ์กับจีน

3. การเมืองในบ้าน—ยากกว่าเจรจานอกบ้าน

ในภาวะที่การเมืองขาดเอกภาพ และเสถียรภาพ การทำงานสามกระทรวงหลักอยู่คนละพรรค คำถามคือใครจะเป็นคนเคาะ และจะเคาะได้หรือไม่ ยังไม่นับว่าบางข้อเสนออาจจะผ่านสภาอีก

Internal negotiations อาจจะยากกว่า external negotiation เสียอีก 

เราจึงมีกลไกในการพิจารณาพูดคุยโดยมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและประชาชน ไม่งั้นมีปัญหาแน่นอน

4. แล้วเราควรต้องทำอย่างไร

ในเมื่อการเจรจาแบบ win-win น่าจะเป็นไปได้ยากในกรณีนี้ เราอาจจะต้องหาทาง  give and take และพิจารณาถึงผลกระทบในแต่ละทางเลือกอย่างรอบด้าน และหาทางชดเชยผลกระทบ

 1. เข้าใจสิ่งที่สหรัฐต้องการก่อน เข้าใจว่าสหรัฐต้องการให้เราเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐ ลดภาษีนำเข้า ยกเลิก non tariff barrier และจัดการกับเรื่องสินค้าสวมสิทธิ์ ซึ่งเราคงต้องพิจารณาผลกระทบของแต่ละเรื่องอย่างเข้าใจจริงๆ และเปรียบเทียบต้นทุนแต่ละทางเลือก

และคงต้องหาทางออกเรื่อง  transshipment แบบเอาจริง เงื่อนไขคืออะไร ทำได้จริงหรือไม่ 

      2.   พิจารณาหาทางเปิดเสรีภาคเกษตรซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีมาตรการลดผลกระทบ แต่วิธีชดเชยความเสียหายแบบเข้าใจจริงๆ

โดยต้องสื่อสารให้สาธารณชนเข้าใจประเด็น  และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาทางเลือก และพูดคุย

 3.   เรายังคงต้องพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน ดึงลงทุนเทคโนโลยี-มูลค่าสูง 

 • สิทธิประโยชน์ R&D, เครดิตภาษี ให้ EV parts, AI hardware, data center มาตั้งฐานในไทย

 • Upskill แรงงานสู่ทักษะดิจิทัล-หุ่นยนต์ เพิ่มค่าแรงเฉลี่ยและผลิตภาพ

 4.   War-Room เสียงเดียว

 • รวมคลัง-พาณิชย์-เกษตร-เอกชน ตัดสินรวดเร็ว ส่งสัญญาณชัดแก่สหรัฐฯ และนักลงทุนว่าประเทศ “เอาจริง”

 5.   เร่งกระจายตลาดส่งออก

 • ใช้ RCEP, CPTPP, GCC เร่งทำ FTA กับกลุ่มประเทศใหญ่อย่าง EU เพื่อกระจายตลาดจากสหรัฐฯ

บทสรุป

จดหมายฉบับนี้คือ the art of the deal เวอร์ชันเรียกค่าคุ้มครอง—บีบให้ไทยต้องเลือก จะยอมเสียบางอย่างตอนนี้ เพื่อไม่ให้เสียอนาคตทั้งหมด

หากเราเดินเกม Give-and-Take ค่อย ๆ เปิดตลาดเกษตร พร้อมกันชน‐ชดเชย และเร่ง “ยกระดับศักยภาพแข่งขัน”—ไม่เพียงแค่รอดภาษี 36 % แต่ยังอาจใช้จังหวะนี้เร่งเครื่องเศรษฐกิจไทยสู่มูลค่าสูงกว่าเดิมให้ได้

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

“ธีระชัย” เตือนรัฐบาลอย่าซ่อนข้อมูลเจรจาสหรัฐขึ้นภาษี 36%

“ธีระชัย” เตือนรัฐบาลอย่าซ่อนข้อมูลเจรจาสหรัฐ ชี้ขึ้นภาษีนำเข้า 36% กระทบเศรษฐกิจไทยหนัก แนะรัฐเปิดข้อมูลเจรจา-ปกป้องผลประโยชน์ชาติ

เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงรุนแรงจาก ภาษีสหรัฐฯ 36%

เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงรุนแรงจาก ภาษีสหรัฐฯ 36% เสียเปรียบเวียดนามที่ถูกเก็บเพียง 20%

สหรัฐฯ ปรับภาษีนำเข้าใหม่ มีผล 1 ส.ค.2025

สหรัฐฯ ปรับภาษีนำเข้าใหม่ มีผล 1 ส.ค.2025 ใครขึ้น ใครลด?

บสย. ผนึก “เงินดีดี”  “ค้ำประกันสินเชื่อดิจิทัล” เต็มรูปแบบ 

บสย. ผนึก “เงินดีดี” ครั้งแรกในไทย ก้าวสู่ “ค้ำประกันสินเชื่อดิจิทัล” เต็มรูปแบบ เพิ่มศักยภาพช่วย Micro SMEs รายย่อย-อาชีพอิสระ เข้าถึงแหล่งทุน