
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มีภารกิจในการตรวจสอบและกำกับดูแลการประกอบกิจการอุตสาหกรรมและกิจการอื่น ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ มิให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ในการฝ่าปัญหาเร่งด่วน ฟันปัญหาหมักหมม ดึงเงินลงทุน ดันอุตสาหกรรมอนาคต อีกทั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังมอบนโยบาย “ปิดเร็ว เปิดเร็ว พึ่งพาได้” ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจและนโยบายดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ จึงจำเป็นต้องมีกลไกขับเคลื่อน และมีการสั่งการที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และเต็มศักยภาพ อย่างไรก็ตาม หากมีการดำเนินการปรับปรุงแก้ไข หรือปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายแล้ว ต้องเร่งดำเนินการปลดมาตรการทางกฎหมาย เพื่อคืนการประกอบกิจการที่เป็นปกติโดยเร็ว
นายธนกร กล่าวอีกว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แต่งตั้ง คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายกับการประกอบกิจการอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างเด็ดขาด โดยมี นางสาวพลอยลภัสร์ สิงห์โตทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นที่ปรึกษากรรมการ, นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานกรรมการ, พันตำรวจเอกภคิน ศิวเมธากุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เป็นรองประธานกรรมการ นอกจากนี้ ยังมี นายทีปกร โกมลพันธ์พร อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด, ผู้แทนสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม, ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม, ผู้แทนกรมอุตสาหกรรมและการเหมืองแร่, ผู้แทนกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และผู้แทนการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ นายบวรวิทย์ อัครจันทโชติ ผู้อำนวยการกองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกรรมการและเลขานุการ และนายสมชัย เอมบำรุง ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
สำหรับคณะกรรมการฯ ดังกล่าว มีหน้าที่ดังนี้ 1.ศึกษา รวบรวมข้อมูล เพื่อเสนอแนะมาตรการ และแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการจากการประกอบการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างเด็ดขาด และยั่งยืน ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 2.กำหนดกลุ่มเป้าหมายการประกอบการอุตสาหกรรม และกำหนดแผนงานเพื่อการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะกิจการที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน และสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรงและกว้างขวาง 3.อำนวยการ กำกับ ติดตาม ตรวจสอบ ให้คำปรึกษา แนะนำ และเร่งรัดการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานตามแผนและมาตรการที่กำหนดขึ้น 4.ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการอุตสาหกรรมกับหน่วยงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในกรณีมีความจำเป็น 5.เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในกระทรวงอุตสาหกรรมมาให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อคณะกรรมการ หรือประสานงานกับภายนอกกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย 6.ให้ข่าวสารเกี่ยวกับการทำหน้าที่ต่อสาธารณะ หรือสื่อมวลชน ตามที่จำเป็นและเห็นสมควร 7.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และมอบหมายเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานตามความเหมาะสม และ 8.ปฏิบัติงานอื่นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมาย
“การปฏิบัติภารกิจของคณะกรรมการชุดนี้ จะดำเนินการภายใต้ชื่อว่า “เต็มเหนี่ยว” และคณะเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานภายใต้มาตรการและแผนที่กำหนดขึ้นตามคำสั่ง ให้เรียกว่า “ชุดปฏิบัติการเต็มเหนี่ยว” เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ และการปฏิบัติอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อประโยชน์ของประชาชน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว