นายกฯ อนุทิน ชูไทยเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

Date:

วันที่ 24 พฤศจิกายน เวลา 20.20 น. ที่ห้องนภาลัย แกรนด์ บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Foreign Industrial Club (FIC) Gala Dinner 2025  ภายใต้หัวข้อ “Leading Thailand Through Global Challenges” เพื่อนำเสนอทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไทยให้สามารถก้าวข้ามความท้าทายของโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมีนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีต่อการจัดงานในครั้งนี้ พร้อมย้ำว่า ท่ามกลางสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ภายใต้ภาวะวิกฤติซ้อนวิกฤติ (Polycrisis) ซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่าที่เคยเป็นมา ประเทศไทยไม่ได้กำลังเข้าสู่ “วิกฤติ“ แต่กำลังเข้าสู่ “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” ซึ่งไทยสามารถกำหนดทิศทางอนาคตของตนเองได้อย่างมั่นคง พร้อมเสริมสร้างศักยภาพของประเทศให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยการบริหารจัดการช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้ไทยสามารถเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส และก้าวสู่การเติบโตในระยะยาวได้อย่างมั่นคง

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า การขับเคลื่อนประเทศให้สามารถก้าวผ่านพลวัตและความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่อย่างมั่นคง จำเป็นต้องเริ่มจากการปรับกรอบความคิด ไม่ยึดติดแนวทางเดิม และเดินหน้ากำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ที่ตั้งอยู่บนสามปัจจัยสำคัญที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนอนาคต ได้แก่ 1) การกระจายความเสี่ยง (Diversification) ซึ่งเป็นการลดการพึ่งพาตลาดหรืออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ไทยขยายความร่วมมือทางการค้าไปยังภูมิภาคต่าง ๆ อาทิ ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรปตะวันออก เอเชียใต้ และลาตินอเมริกา 2) การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digitalization) ด้วยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้เพื่อเพิ่มผลิตภาพ ตลอดจนการเสริมสร้างทักษะดิจิทัลให้กับประชาชน และ 3) การลดการปล่อยคาร์บอน (Decarbonization) เพื่อเตรียมประเทศให้พร้อมต่อมาตรฐานห่วงโซ่อุปทานสีเขียวของโลก

นอกจากนี้ รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนหลายประการ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น “รันเวย์” สำหรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่มั่นคงในระยะยาว เพื่อให้ไทยสามารถก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบันและเดินหน้าสู่บทบาทของผู้นำได้อย่างแท้จริง โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยมีศักยภาพโดดเด่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำใน 4 อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ไทยเป็นผู้นำอาเซียนและกำลังพัฒนาสู่การสร้างระบบนิเวศของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจร 2) อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยไทยตั้งเป้าเสริมบทบาทในห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์โลกในด้านบรรจุภัณฑ์ การทดสอบ และการผลิตชิปชนิดพิเศษ 3) อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพที่ไทยมีศักยภาพโดดเด่นทั้งด้านความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ การฟื้นฟูสุขภาพ ตลอดจนการดูแลผู้สูงอายุ และ 4) อุตสาหกรรมอาหาร เช่น โปรตีนทางเลือก เกษตรแม่นยำ นวัตกรรมฮาลาล และการผลิตที่ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งล้วนเป็นโอกาสให้ไทยสามารถก้าวสู่การเป็นครัวของโลกอย่างแท้จริง

นายกรัฐมนตรียังระบุว่า ความสำเร็จในการก้าวเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจาก SMEs ที่แข็งแกร่ง รัฐบาลจึงมุ่งเสริมศักยภาพ SMEs ผ่านการขยายโอกาสในเข้าถึงแหล่งเงินทุน ลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ ส่งเสริมการปรับตัวสู่ดิจิทัล และเชื่อมโยงผู้ประกอบการ SMEs เข้ากับห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่อย่างเป็นระบบ พร้อมเดินหน้าโครงการ DIPROM FLEXi ควบคู่กับการพัฒนาระบบรัฐบาลดิจิทัลที่ช่วยลดขั้นตอน เพิ่มความโปร่งใส และเปิดโอกาสให้นักธุรกิจเติบโตได้เต็มศักยภาพ จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้ SMEs ไทยสามารถปรับตัวและแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำว่าประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นสมาชิก OECD เพื่อยกระดับมาตรฐานของประเทศให้สอดคล้องกับหลักสากลที่ให้ความสำคัญกับความโปร่งใส ความเป็นธรรม และการส่งเสริมการลงทุนในระยะยาว อีกทั้งการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนและผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ผ่านมา ถือเป็นการตอกย้ำว่าไทยพร้อมทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงความร่วมมือของภูมิภาคเอเชีย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคง การเติบโตทางเศรษฐกิจ และโอกาสใหม่ร่วมกันในอนาคต ทั้งนี้ ไทยยืนยันความพร้อมในการทำงานร่วมกับประเทศต่าง ๆ ที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในด้านนวัตกรรม ความเปิดกว้าง และความมั่งคั่งในระยะยาว 

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

ธอส.จัดพิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะ  เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา 

ธอส.จัดพิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา

ธ.ก.ส. เตรียม 2 หมื่นล้าน ออกสินเชื่อฉุกเฉินช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่

ธ.ก.ส. เตรียม 2 หมื่นล้าน ออกสินเชื่อออกสินเชื่อช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่ ดอกเบี้ย 0%นาน 6 เดือน รายละไม่เกิน 5 หมื่นบาท

ธอส. ส่งมอบอาคารเรียนและซ่อมแซมบ้านให้เด็ก

ธอส. ส่งมอบอาคารเรียนและซ่อมแซมบ้านให้เด็ก และเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร

ธ.ก.ส. เร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ 

ธ.ก.ส. เร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ ระดมทีมสาขาให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น