
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ ประธานกรรมการ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การบินในประเทศไทยเป็นไปอย่างปกติ มีความปลอดภัยและได้มาตรฐานสากล พร้อมรองรับเที่ยวบินจากนานาชาติ รวมถึงเที่ยวบินจากสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) อย่างเต็มศักยภาพ โดยวิทยุการบินฯ มีความพร้อมในการบริหารจัดการการจราจรทางอากาศ ทั้งด้านบุคลากร เทคโนโลยี และมาตรการความปลอดภัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสายการบินและผู้โดยสารทุกเที่ยวบิน โดยไม่มีผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด
จากสถิติเที่ยวบินระหว่างประเทศไป – กลับ ประเทศไทย พบว่ามีเที่ยวบินรวมทั้งปี จำนวน 19,870 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 54 เที่ยวบินต่อวัน โดยสนามบินอินชอน (โซล) มีสัดส่วนสูงสุด เฉลี่ย 45 เที่ยวบินต่อวัน รองลงมาคือสนามบินกิมแฮ (ปูซาน) เฉลี่ย 7 เที่ยวบินต่อวัน และสนามบินแทกู เฉลี่ย 2 เที่ยวบินต่อวัน
ทั้งนี้ ปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศไทย–สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) อยู่ในอันดับที่ 8 ของเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดในปีงบประมาณ 2568 คิดเป็น ร้อยละ 4 ของเที่ยวบินระหว่างประเทศรวม
โดยปัจจุบันปริมาณเที่ยวบินจากเกาหลีใต้มายังสนามบินในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยวิทยุการบินฯ ได้มีการคาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินประเทศไทย – เกาหลีใต้ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2568 ถึงมกราคม 2569 พบว่า ปริมาณเที่ยวบินมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จาก 54 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มเป็น 60 เที่ยวบินต่อวันสะท้อนความเชื่อมั่นและความต่อเนื่องของการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศ พร้อมย้ำว่าสถานการณ์โดยรวมยังเป็นปกติและเอื้อต่อการท่องเที่ยวของประเทศ
นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่มีความหลากหลายทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรม อาหาร และการบริการระดับสากล โดยสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยประเทศไทยยังคงมีเที่ยวบินตรงจากหลายเมืองหลักในเกาหลีใต้สู่สนามบินนานาชาติสำคัญทั่วประเทศ อาทิ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของสายการบินและนักท่องเที่ยวต่อระบบการบินของไทย โดยวิทยุการบินฯ ยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว และขอให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มั่นใจว่า การเดินทางมายังประเทศไทยในช่วงนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยอย่างแน่นอน

วิทยุการบินฯ เดินหน้าศึกษาการบริหารจราจรทางอากาศของอินชอน
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ ประธานกรรมการ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่า “จากนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่มอบหมายให้ วิทยุการบินฯ เร่งขยายความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวิทยุการบินฯ ได้ศึกษาแนวทางเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินจากสนามบินอินชอน ซึ่งเป็นสนามบินหลักของประเทศเกาหลีใต้ และเป็นหนึ่งในสนามบินชั้นนำของโลก ที่ประสบความสำเร็จในการบริหารการจราจรทางอากาศและภาคพื้นอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เนื่องจากมีลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงกับสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งปัจจุบันมีเที่ยวบินหนาแน่นเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ มีความสามารถในการรองรับ 94 เที่ยวบิน/ชั่วโมง มีการเปิดใช้งาน 3 ทางวิ่ง และมีแผนขยายเป็น 4 ทางวิ่งเพื่อรองรับการเติบโตของปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารในอนาคต ขณะที่ปัจจุบันสนามบินอินชอน มี 4 ทางวิ่ง และมีความสามารถในการรองรับเที่ยวบินได้ 107 เที่ยวบิน/ชั่วโมง สูงที่สุดของเกาหลีใต้”
ปัจจุบันปริมาณเที่ยวบินจากเกาหลีใต้มายังสนามบินในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินภูเก็ต และสนามบินเชียงใหม่ ประเทศไทยได้เตรียมขยายตลาดทางการบินรองรับนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ ดังนั้น วิทยุการบินฯ จำเป็นต้องศึกษาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการเพิ่มศักยภาพและยกระดับการให้บริการ การเดินอากาศ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างประโยชน์และสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้ประเทศชาติ มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคต่อไป
สำหรับสถิติปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศ ของปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กันยายน 2568 มีปริมาณเที่ยวบินรวม 458,561 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 1,256 เที่ยวบิน/วัน ซึ่งเที่ยวบินระหว่างประเทศไทย-สาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้ มีปริมาณเที่ยวบินรวม 19,870 เที่ยวบิน คิดเป็น 4 % ของเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด โดยสาธารณรัฐเกาหลี ทำการบินเข้า/ออกประเทศไทยสูงเป็นอันดับที่ 8 เฉลี่ยประมาณวันละ 54 เที่ยวบิน สำหรับสถิติปริมาณเที่ยวบินระหว่างไทย – กรุงโซล (สนามบินอินชอน) ทำการบินเฉลี่ยวันละ 45 เที่ยวบิน คิดเป็นร้อยละ 83 ของเที่ยวบินระหว่างประเทศไทย – เกาหลีใต้ ทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้มีหลายสายการบินขอเพิ่มเที่ยวบินไปยังกรุงโซล ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ จึงทําให้มีความต้องการในการเดินทางทางอากาศเพิ่มขึ้นเป็นจํานวนมาก
การศึกษาดูงานสนามบินอินชอน ซึ่งมีปริมาณเที่ยวบินหนาแน่นเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศเกาหลีใต้ ในครั้งนี้ วิทยุการบินฯ จะนำรูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการการจราจรทางอากาศ ทั้งลักษณะการบริหารจัดการห้วงอากาศ การบริหารจัดการลักษณะทางกายภาพของสนามบิน อาทิ ทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดอากาศยาน อาคารผู้โดยสาร และการบริหารจัดการการใช้งานทางวิ่ง รวมถึงระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุง แก้ไขรูปแบบ และแนวทางการบริหารจัดการการจราจรทางอากาศของสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับของเที่ยวบินให้มากยิ่งขึ้น
**นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท. กล่าวเพิ่มเติมว่า “วิทยุการบินฯ มีความพร้อมในการสนับสนุนผลักดันนโยบายของรัฐบาล โดยมีแผนการนำระบบเทคโนโลยีที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการจราจรทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยรองรับปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น พร้อมรักษามาตรฐาน ความปลอดภัยระดับสากล ซึ่งวิทยุการบินฯ ได้เดินหน้าพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานการให้บริการการเดินอากาศ เพื่อปรับปรุงและยกระดับระบบเทคโนโลยีให้ทันสมัย โดยบูรณาการแผนดำเนินงาน แผนปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยี ให้สอดรับกับแผนพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต รวมถึงสนามบินภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของสนามบิน รองรับการเติบโตของผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวในอนาคต อีกทั้ง กำลังดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างเส้นทางบิน และการออกแบบห้วงอากาศ โดยจัดทำเส้นทางบินใหม่เพิ่มขึ้น ปรับปรุงจากเส้นทางบินในปัจจุบันจากรูปแบบทางเดียว (Single Route) ให้เป็นเส้นทางบินคู่ขนาน (Parallel Routes) ทั้งเส้นทางบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น และ มีความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ ในกรณีมีสภาพอากาศไม่ปกติหรือมีสถานการณ์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการจราจรทางอากาศ”
นอกจากนี้ วิทยุการบินฯ ได้เร่งผลักดันการใช้ Remote Tower เพื่อให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศได้จากศูนย์ควบคุมระยะไกล สำหรับสนามบินที่มีปริมาณเที่ยวบินหนาแน่นน้อย ได้แก่ สนามบินนราธิวาส และเบตง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและ ความปลอดภัยในการให้บริการจราจรทางอากาศ และนอกจากนั้นแล้ว จะมีการทดลองระบบ Digital Tower ใน Lab เพื่อประเมินประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าในการลงทุน ก่อนนำเข้าใช้งานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน ลดข้อจำกัดด้านต่าง ๆ รวมทั้งเร่งดำเนินการออกแบบและพัฒนาห้วงอากาศสำหรับสนามบินที่มีความซับซ้อนของการจราจร ทางอากาศ (Metroplex) 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา, กลุ่มสนามบินภูเก็ต กระบี่ อันดามัน (พังงา) และกลุ่มสนามบินเชียงใหม่ ลำปาง ล้านนา (ลำพูน) เพื่อลดความหนาแน่นของสนามบินหลัก อีกทั้ง มีการนำระบบเทคโนโลยีและประสบการณ์ด้านการบริหารจราจรทางอากาศมาใช้พัฒนาระบบจัดการจราจรทางอากาศสำหรับอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้เกิดความปลอดภัย รวมทั้งร่วมขับเคลื่อนผลักดันให้เกิดการปฏิบัติการบินอากาศยานทางทะเล หรือ Seaplane อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเปิดมิติใหม่ของการคมนาคมทางอากาศ โดยวิทยุการบินฯ พร้อมที่จะขับเคลื่อน และพัฒนาระบบเทคโนโลยีในทุกด้าน เพื่อมีส่วนสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมการบินของประเทศ สนับสนุนนโยบายรัฐบาลให้ไปสู่เป้าหมาย เพราะเชื่อมั่นว่าจะส่งผลดี สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างขีดความสามารถให้ประเทศชาติต่อไป




