“บมจ.สบาย เทคโนโลยี” ตั้งบริษัท drop-off กับยักษ์ใหญ่มาเลเซีย รุกอีคอมเมิร์ซข้ามประเทศ

Date:

นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้ บริษัท สบาย สปีด จำกัด (SABUY SPEED) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่ 82% และบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 18% เข้าลงทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ในประเทศมาเลเซีย และจะมีการกำหนดชื่อในภายหลัง ด้วยทุนจดทะเบียน 100,000 ริงกิตมาเลเซีย ชำระค่าหุ้นเต็มจำนวน

โดย SABUY SPEED จะเข้าลงทุนและถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ในสัดส่วน 50% ของจำนวนทุนจดทะเบียนของบริษัทร่วมทุน และบริษัท คอลเล็คโค เซอร์วิส เบอร์ฮัด (CollectCo Services Sdn. Bhd.) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการจุดรับและส่งพัสดุ ซึ่งมีเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย โดยปัจจุบันมีจุดให้บริการกว่า 2,000 สาขา ครอบคลุมทุกเมืองหลักในประเทศมาเลเซีย และเป็นผู้ให้บริการจุดรับและขนส่งในตลาดออนไลน์ (Online Market Place) หลักในมาเลเซีย อาทิ ลาซาด้า (Lazada) ช้อปปี้ (Shopee) และซาโลร่า (Zalora) ซึ่งจะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 50% ของจำนวนทุนจดทะเบียนของบริษัทร่วมทุน

การร่วมทุนใหม่ในประเทศมาเลเซียนี้ จะเป็นการขยายขอบเขตการให้บริการของธุรกิจสะดวกส่งของกลุ่มบริษัทฯ ภายใต้ SABUY SPEED ที่ปัจจุบันมีสาขารวมกว่า 14,000 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ตามวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาค (Regional Player) ของกลุ่มบริษัทฯ

SABUY SPEED จะเข้าทำสัญญาร่วมทุนกับ CollectCo ภายในเดือนกันยายน 2565 และคาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนตุลาคม 2565 หรือตามที่พันธมิตรเห็นชอบร่วมกัน ในการเข้าทำรายการดังกล่าวเพื่อขยายเครือข่ายสาขาของกลุ่มธุรกิจสะดวกส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดเริ่มต้นในการขยายธุรกิจสะดวกส่งสู่ในภูมิภาค นอกเหนือจากการเป็นผู้ให้บริการภายในประเทศ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ในการเป็น Regional Player และพัฒนาการให้บริการกลุ่มธุรกิจสะดวกส่งของบริษัทฯ โดยการนำความรู้ในการจัดการและเทคโนโลยีของ CollectCo มาประยุกต์ใช้ เช่น การดำเนินธุรกิจในประเทศมาเลเซีย ระบบบริหารจัดการร้านค้าระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management) และ e-commerce เป็นต้น

อีกทั้ง คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้ SABUY เข้าลงทุนในหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 15,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 1.54 ในบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) (“RS”) ทั้งนี้ RS ประกอบธุรกิจพาณิชย์ ที่ผลิตคอนเทนต์ และความบันเทิง พร้อมจำหน่ายสินค้า รวมถึงมีระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและระบบเทเลมาร์เก็ตติ้ง โดยมีการดำเนินงานแบ่งเป็น 3 ธุุรกิจหลักคือ ธุุรกิจคอมเมิร์ซ ธุุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ธุรกิจเพลง และอื่นๆ โดยบริษัทฯ จะชำระค่าตอบแทนจำนวนไม่เกิน 255,000,000 บาท ให้แก่ RS หรือ ผู้ถือหุ้นเดิมของ RS ผ่านการซื้อขายในกระดานหลักซื้อขายหลักทรัพย์ (“Main Board”) (“ธุรกรรม RS”) คาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนสิงหาคม 2565 นี้

SABUY มีผลประกอบการไตรมาส 2/2565 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 369 ล้านบาท หรือ 95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 356 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 309 ล้านบาท หรือ 657% โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 47% โดย SABUY รับรู้กำไรจากการลงทุนในบริษัทต่างๆ ในกลุ่มของ SABUY ซึ่งมีทั้งหมด 6 กลุ่มธุรกิจคือ

1.Payments and Wallet ธุรกิจบริการด้านการชำระเงินและระบบการเงินอิเลคทรอนิกส์

2.Enterprise & Life ธุรกิจให้บริการสำหรับองค์กรและไลฟ์สไตล์ด้วยความเข้าใจผู้บริโภค

3.Connext ธุรกิจช่องทางการจัดจำหน่ายและเชื่อมต่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม

4.Financial Inclusion ธุรกิจให้บริการสินเชื่อและประกันภัย

5.InnoTainment ธุรกิจนวัตกรรมทางสื่อ ดิจิทัลมีเดีย และเครือข่าย

6.Venture ธุรกิจการลงทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืน

SABUY มุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคงเป้าหมายรายได้ปี 2565 ที่ 5,000 ล้านบาท (จากธุรกิจเดิมประมาณ 3,000 ล้านบาท เพิ่มเติมด้วยธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Connext ประมาณ 500 ล้านบาท Enterprise & Life ประมาณ 1,300 ล้านบาท) และมุ่งมั่นที่จะสร้างรายได้ถึง 20,000 ล้านบาท ในปี 2566 ประกอบด้วย ธุรกิจเดิม 5,000 ล้านบาท ธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Enterprise & Life ประมาณ 9,000 ล้านบาท กลุ่ม Connext ประมาณ 3,000 ล้านบาท กลุ่ม InnoTainment ประมาณ 1,000 ล้านบาท กลุ่ม Financial Inclusion ประมาณ 2,000 ล้านบาท

“บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง จากธุรกิจโซลูชั่นส์และช่องทางการขายและบริการ (Solutions and Channels) ผ่าน Drop-off ต่างๆ และธุรกิจการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ (Retail) ผ่านทาง PTECH ในขณะที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโดยการคุมค่าใช้จ่ายได้ดีจากการควบรวมกลุ่ม Drop-off หลายแบรนด์เข้าด้วยกันเมื่อช่วงต้นปี เช่น The Letter Post, Point Express, PaysPost, ตลอดจนการนำบริษัทอื่นๆ เข้ารวมกลุ่มเช่น CitySoft, ForthSABUY, TeroSABUY, PFS, ฯลฯ”

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

จับสัญญาณ ทักษิณ หวนคืนอำนาจรัฐ

“เทพไท เสนพงศ์” วิเคราะห์ จับสัญญาณ ทักษิณ หวนคืนอำนาจรัฐ

พาณิชย์ ดัน นโยบายดิจิทัลบริการประชาชน

พาณิชย์ ประชุมหารือเพื่อขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน

บางจากฯ ไม่ขึ้น ไม่ลงราคาน้ำมัน 6 วัน

บางจากฯ ให้ของขวัญปีใหม่คนขับรถน้ำมัน ประกาศ ไม่ขึ้นไม่ลงราคาน้ำมัน 28 ธ.ค. 67  –  2 ม.ค. 68

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธ ธอส. 

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธ ธอส. ในงานนิทรรศการวันต่อต้านคอร์รัปชันสากลฯ