ธนาคารทิสโก้ เปิดโพยกองทุนเด็ด

Date:

นางวรสินี เศรษฐบุตร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุน และสื่อสารการตลาด สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ เปิดเผยว่า หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ขณะที่ราคาหุ้นหลายกลุ่มได้ปรับตัวลงมารับข่าวจนราคาน่าสนใจ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะเริ่มกลับมามองหาหุ้นที่กำไรมีศักยภาพในการเติบโตท่ามกลางวิกฤต สามารถลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยก่อนหน้านี้ธนาคารทิสโก้แนะนำให้นักลงทุนใน 2 ธีมการลงทุนหลักคือ

1.ธีมกองทุนหุ้นนวัตกรรมการแพทย์ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจเฮลธ์แคร์

2.ธีมกองทุนหุ้นเทคโนโลยีแห่งอนาคต

เนื่องจาก อัตราการเติบโตของกำไรในระยะยาว (CAGR) ของกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มเทคโนโลยี ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเติบโตในระดับ 10.2% และ 10% ตามลำดับ สูงกว่าตลาดหุ้นรวม (S&P500) ที่ 6.9% ต่อปี และกำไรของหุ้นทั้งสองกลุ่มยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (ที่มา: บลูมเบิร์ก 26 ก.ค. 65)

และในปัจจุบันธนาคารทิสโก้มองว่ามีอีก 2 ธีมการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับลงทุนในช่วงนี้คือ 3. ธีมกองทุนหุ้นเติบโตสูง และ 4. ธีมกองทุนหุ้นดาวเด่นของเอเชีย โดยหุ้นกลุ่มเติบโตสูงที่มีโอกาสขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ ในช่วง 5 – 10 ปีข้างหน้า กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เพราะราคาได้ปรับลดมาจนน่าเข้าลงทุน ขณะที่แรงกดดันในด้านต้นทุนทางการเงินของกลุ่มหุ้นเติบโตกำลังหมดไป เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว อีกทั้งคาดว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะเริ่มชะลอตัวลงในทิศทางเดียวกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เริ่มปรับตัวลดลงตามตัวเลขเศรษฐกิจด้วย

สำหรับธีมกองทุนหุ้นดาวเด่นของเอเชีย ธนาคารทิสโก้มองว่าหุ้นจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย เป็นตลาดดาวเด่นน่าลงทุน เนื่องจาก ทั้ง 3 ประเทศมีโอกาสน้อยที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ยังอยู่ในระดับเติบโต โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 65) คาดว่าปี 2565 เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโต 6% เศรษฐกิจอินโดนีเซียจะเติบโต 5.3% และเศรษฐกิจจีนจะเติบโต 3.3%

ขณะที่มูลค่าหุ้นยังไม่แพงเมื่อเทียบกับโอกาสการเติบโตของกำไรและมีระดับราคาหุ้นเทียบกับคาดการณ์กำไรในอนาคต (Fwd P/E) ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีทุกตลาด โดยข้อมูลจากบลูมเบิร์ก (ข้อมูล ณ วันที่ 4 ส.ค.65) ระบุว่า ตลาดหุ้นจีน (CSI 300) มีระดับ Fwd P/E อยู่ที่ 13.18 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ย Fwd P/E 5 ปีอยู่ที่ 13.6 เท่า ตลาดหุ้นเวียดนาม (VN-Index) มีระดับ Fwd P/E อยู่ที่ 12 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ย Fwd P/E 5 ปีอยู่ที่ 15.9 เท่า และตลาดหุ้นอินโดนีเซีย (JCI) มีระดับ Fwd P/E อยู่ที่ 16.67 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ย Fwd P/E 5 ปีอยู่ที่ 17.06 เท่า

โดยสรุป ธนาคารทิสโก้มองว่า หากตลาดหุ้นย่อตัวในช่วงนี้ เป็นจังหวะเหมาะสำหรับการเลือกลงทุนในธุรกิจที่กำไรมีโอกาสเติบโตสูง แม้ในช่วงเศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอย และราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ซึ่งธนาคารทิสโก้มองว่ามี 4 ธีมที่น่าลงทุน และมีกองทุนรวมเด่นที่น่าสนใจ ดังนี้

1.ธีมกองทุนหุ้นนวัตกรรมการแพทย์ มีกองทุนแนะนำ 3 กองทุน ได้แก่ KFHHCARE-A, TBIOTECH และ TGHDIGI

2.ธีมกองทุนหุ้นเทคโนโลยีแห่งอนาคต ธุรกิจที่โลกขาดไม่ได้ มีกองทุนแนะนำ 5 กองทุน ได้แก่ SCBSEMI(A), KFHTECH-A, KFCYBER-A, TCYBER, TCLOUD

3.ธีมกองทุนหุ้นเติบโตสูง มีกองทุนแนะนำ 2 กองทุน ได้แก่ K-CHANGE-A(A) และONE-UGG-RA

4.ธีมกองทุนหุ้นดาวเด่นของเอเชีย มีกองทุนแนะนำ 5 กองทุน ได้แก่ TCHSTRATEGY, ES-INDONESIA, KT-Ashares-A, TCHTECH-A และ PRINCIPAL VNEQ-A

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

อดีตนายกฯ เศรษฐา บอก Soft Power ไม่ใช่ทุกอย่างจะถูกจดจำ

อดีตนายกฯ เศรษฐา บอก Soft Power ไม่ใช่ทุกอย่างจะถูกจดจำและยอมรับในระดับโลก

“วิทัย รัตนากร” ผู้ว่าแบงก์ชาติ แห่งการเปลี่ยนแปลง

“วิทัย รัตนากร” ผู้ว่าแบงก์ชาติ แห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้จะพลิกให้ธปท.ให้เป็นแบงก์ชาติเพื่อประเทศ เหมือนกับทำออมสิน ให้เป็นธนาคารเพื่อสังคม

วรวงศ์ รามางกูร โต้กลับ ธาริษา ตั้งธงตีกัน ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่

รวงศ์ รามางกูร โต้กลับ ธาริษา ตั้งธงตีกันว่าที่ผู้ว่า แบงก์ชาติคนใหม่ กล่าวหา ไม่ยุติธรรม “ใกล้ชิดรัฐบาล = เสื่อมความเชื่อมั่น?”

อดีตนายกฯ เศรษฐา บอกเอง “ย่านบรรทัดทอง” ฟองสบู่แตก

อดีตนายกฯ เศรษฐา บอกเอง “ย่านบรรทัดทอง” ฟองสบู่แตกอย่างรวดเร็ว ผู้มีส่วนได้เสียหวังแต่รายได้เยอะจนไม่ยั่งยืน