นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล หรือ WAVE เปิดเผยว่า บริษัทได้วางเป้าหมายหรือวางยุทธศาสตร์ การดำเนินธุรกิจในปี 2567 ไว้ว่าจะเป็นปีที่บริษัทจะรุกหนักเพื่อขยายธุรกิจ และลงทุนในโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะในธุรกิจคาร์บอนเครดิต และธุรกิจสถาบันสอนภาษา
สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกกลายเป็นปัญหาสำคัญของนานาชาติ และวาระที่สำคัญสำหรับประเทศไทยที่ส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรไทยด้วยนี้ บริษัทจึงเล็งเห็นถึงโอกาศทางธุรกิจเพื่อสนับสนุนทั้งระดับองค์กรในไทยและระดับประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ได้ประกาศไว้ บริษัทได้ขยายการลงทุนในโครงการใหม่ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาโครงการ
ในประเทศไทย รองจากภาคพลังงาน ภาคเกษตรกรเป็นภาคที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดอันดับ 2 บริษัทกำลังเริ่มโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตร โดยในปัจจุบันมีการเริ่มต้นเป็นคณะทำงานในกรมวิชาการเกษตรเพื่อวิจัยวิธีลดก๊าซเรือนกระจกในการเกษตร โครงการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคการเกษตรเป็นแนวทางที่ประชาคมโลกกำลังให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นแนวทางที่มีศักยภาพเชิงต้นทุนเมื่อเทียบกับการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคกิจกรรมอื่น ๆ รวมทั้งเกษตรกรยังสามารถนำไปสร้างรายได้เพิ่มผ่านการขายผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ ได้รายได้เสริมจากการรับเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน
โครงการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งเป็นอีก 1 โครงการเป้าหมายของบริษัท เนื่องจากการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ได้ถึงครึ่งโดยเพิ่มผลผลิตอีกด้วย ทางบริษัทได้มีการศึกษาการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งเพื่อเป็นโครงการที่ภาคเอกชนสามารถเข้าร่วมและให้การสนับสนุนเพื่อนำส่วนลดของก๊าซเรือนกระจกไปชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรได้ ในปัจจุบันบริษัทได้มีการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตมาตรฐาน Premium TVER และได้ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐต่างๆ เช่น สภาเกษตรและเกษตรปลอดภัย มีการขยายโครง การไปยังจังหวัดสุพรรณบุรีด้วยขนาดพื้นที่ 4,000 ไร่ โดยมีเป้าหมายที่จะขยายไปถึง 400,000 ไร่ภายใน 5 ปี
นายเจมส์กล่าวอีกว่า บมจ.เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล ยังวางเป้าหมายในการพัฒนาธุรกิจซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates หรือ RECs) และธุรกิจการให้คำปรึกษาและวางแผนด้านคาร์บอนเครดิต
เนื่องด้วยองค์กรในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มมีความต้องการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นแต่สัดส่วนพลังงานสะอาดยังไม่เพียงพอ เพื่อตอบโจทย์ด้านความต้องการ หลายองค์กรจึงมีความต้องการซื้อใบรับรองพลังงานหมุนเวียน หรือ RECs มากยิ่งขึ้น บริษัททำหน้าที่ในการจัดหาใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (RECs) เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการและสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายในการใช้พลังงานหมุนเวียน (เป้า RE100) ขององค์กร
บริษัทมีการศึกษา การออกและเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Token) ลงทุนใน RECs เพื่อสนับสนุนการขยายกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน สร้างเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า และขับเคลื่อนการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดของประเทศ
“ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการลดทุนเพื่อสร้าง Backlog ของคาร์บอนเครดิต และใบรับรองพลังงานหมุนเวียน พร้อมการลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจคาร์บอนเครดิตที่ครบวงจร คาดว่าจะเริ่มมีรายได้จาก เวฟ บีซีจี ในปีนี้ เนื่องจากหลายองค์กรและผู้ส่งออกในไทยเริ่มดำเนินการตามแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลังมีแรงกดดันจากต่างประเทศ เช่น ภาษีคาร์บอน และแรงกดดันนากคู่ค้าในต่างประเทศ โดยในประเทศไทยกำลังจะมี พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (พ.ร.บ.โลกร้อน) ของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับภาษีคาร์บอนที่อยุ่ระหว่างการร่างภายใต้กรมสรรพสามิต”นายเจมส์กล่าว
ส่วนธุรกิจด้านการศึกษา บริษัทมีเป้าหมายชัดเจนที่จะขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมในฐานะที่ Wave Education เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญ และความพร้อมในการให้บริการการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในระดับต้นๆของตลาด ผ่าน Wall Street English ซึ่งเดิมเน้นกลุ่มลูกค้าช่วงอายุ 15 ขึ้นไป แต่บริษัทเล็งเห็นถึงลูกค้ากลุ่มอายุต่ำกว่า 14 ปี ลงมา เป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญและสามารถเติบโต ทำให้โครงสร้างการให้บริการของบริษัทครอบคลุมทุกช่วงอายุ รวมทั้งมีแผนที่จะขยายธุรกิจด้านการสอนภาษาอื่นๆ โดยให้ความสำคัญกับภาษาจีน
บริษัทยังมีแผนที่จะ ขยายธุรกิจด้าน Innovation & Lifestyle เพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับ Trend ใหม่ของโลก นโดยการขยายธุรกิจด้าน Innovation & Lifestyle อาทิ การเขียน Coding AI และ Robotics ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะเป็น Trend ที่ได้รับความนิยมและได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างแน่นอน
นายเจมส์กล่าวอีกว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียน โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 3,559,389,717 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทเพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และจัดสรรหุ้นสามัญเพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 4 (WAVE-W4) และจัดสรรรองรับการปรับสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 3 (WAVE-W3) โดยวัตถุประสงค์การเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจและลงทุนในโครงการใหม่ๆ ดังกล่าวข้างต้น
ส่วนผลการดำเนินงานของทั้งกลุ่มWAVEในปี 2566 ธุรกิจมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน สะท้อนจากการขาดทุนที่ลดลง ผ่านการเพิ่มขึ้นของยอดขาย วอลล์ สตรีท อิงลิช และการบริหารต้นทุนที่ดี โดยทั้งกลุ่มรายได้ 448.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 286.10 ล้านบาท ขณะที่มีผลขาดทุน 21.88 ล้านบาท ลดลง 82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 มีผลขาดทุน 122.91ล้านบาท บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้น