นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 958 ล้านบาท เติบโต 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขายรวม 783 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานของ TKN ฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยยอดขายจากผลิตภัณฑ์สาหร่ายดีขึ้นทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา มาเลเซีย ไต้หวัน และเวียดนาม ที่มีอัตราเติบโตเกิน 2 หลัก ปัจจุบันจึงมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 38% และต่างประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 62% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 71 ล้านบาท เติบโต 218% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.2 ล้านบาท แม้เผชิญกับปัจจัยด้านราคาพลังงานและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น แต่บริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนการผลิต และต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2565 (มกราคม-มิถุนายน) มีรายได้จากการขาย 1,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 1,703 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 78.4 ล้านบาท เป็นผลเติบโตตามไฮซีซันของธุรกิจ โดยตลาดในประเทศยังมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทำให้ความการบริโภคสินค้าฟื้นตัว
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.09 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2565 และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 7 กันยายน นี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังของปี 2565 จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Product: NPD) อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์สาหร่าย โดยเฉพาะสาหร่ายอบ ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ล่าสุดได้ทำการการตลาดร่วมกับ “BT21” ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนของ LINE FRIENDS ที่ออกแบบโดยวงไอดอลเกาหลีชื่อดังระดับโลก “BTS” โดยหลังจากวางจำหน่ายก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก พร้อมกันนี้ได้เปิดตัวออกแคมเปญ NFT : THE PHENOMENON ร่วมกับ บริษัทบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เพื่อออกแบบ Non-Fungible Token (NFT) คอลเลคชั่นพิเศษกว่า 600,000 ชิ้น ผ่านซองขนมเถ้าแก่น้อย ซึ่งนับเป็นการสร้างประสบการณ์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ให้กับผู้บริโภค
นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมออกผลิตภัณฑ์สาหร่ายโรยข้าว ซึ่งทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้มีการปรับสูตรและพัฒนารสชาติหลากหลายมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะวางจำหน่ายอย่างน้อย 1-2 SKUs ในครึ่งปีหลัง สำหรับผลิตภัณฑ์นมพลาสเจอร์ไรส์ ภายใต้แบรนด์ “จัสท์ดริ้งค์” ได้เปิดตัวรสชาติใหม่ คือ ชานมเอิร์ลเกรย์ และคาดว่าจะทยอยออกรสชาติใหม่อีก 1-2 SKUs ในเร็วๆนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง
ส่วนแผนงานขยายตลาดต่างประเทศที่กำลังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา บริษัทฯ ได้ทำแผนการตลาดโดยมุ่งเน้นเจาะตลาด Mainstream พร้อมสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์สาหร่ายเป็นหนึ่งในเฮลตี้ สแน็ค ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคได้ โดยเตรียมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านร้านค้าชั้นนำอย่าง ‘เทรดเดอร์โจส์’ (Trader Joe’s) ที่มีสาขากว่า 500 แห่งในสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายปลายไตรมาส 3/ 2565 หรือไตรมาส 4/ 2565 รวมถึงจะนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกชั้นนำในระดับท้องถิ่นของสหรัฐฯ
พร้อมกันนี้ ได้วางแผนกลยุทธ์การตลาดเพิ่มขยายผลิตภัณฑ์สาหร่ายของเถ้าแก่น้อย ในประเทศแถบยุโรปเพิ่มเติม ซึ่งจะใช้โมเดลธุรกิจคล้ายกับในสหรัฐฯ เพื่อรุกขยายตลาด ขณะที่ตลาดหลักในต่างประเทศอย่างประเทศจีน ภายหลังเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้มียอดขายสินค้าฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าคำสั่งซื้อจากประเทศจีนในครึ่งปีหลังของปี 2565 จะเข้ามามากกว่า 100 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานปี 2565 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%