นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD ในฐานะเป็นผู้นำด้านความเชี่ยวชาญในการพัฒนาวิจัยคิดค้นสูตรนวัตกรรมและการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งมีจุดแข็งและความพร้อมด้านโรงสกัดวัตถุดิบ ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่ค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมและพัฒนาสารสกัดพืชสมุนไพร สู่การต่อยอดไปยังการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ประเภทความสวยงาม(ผิวพรรณ)จากลูกค้ารายใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทฯได้มีการทยอยส่งมอบให้ลูกค้ารายดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงกลางไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมา และล่าสุดบริษัทฯอยู่ระหว่างการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวเพื่อทยอยส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง หลังจากออเดอร์แรกหลังจากที่วางจำหน่าย ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างมาก จนสามารถสร้างมูลค่าการเติบโตของยอดขายได้อย่างรวดเร็วให้กับลูกค้ารายดังกล่าว ดังนั้นจากออเดอร์ที่ทยอยเพิ่มเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้บริษัทฯมองว่า ลูกค้ารายดังกล่าว จะเข้ามาเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพของ DOD ซึ่งคาดว่าติดอันดับ 5 (Top 5) ของบริษัทฯ ที่มียอดคำสั่งซื้อสูงสุด ภายในช่วงครึ่งปีหลังนี้ด้วย
ทั้งนี้ นอกจากแผนขยายฐานกลุ่มลูกค้าในประเทศแล้ว บริษัทฯได้เล็งขยายเพื่อเจาะตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้มีการเจรจาเพื่อพัฒนาสูตรผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารร่วมกัน กับบริษัทผู้ประกอบการจากประเทศจีน ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยบริษัทฯคาดว่าดีลดังกล่าวจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 3/2565 นี้ ซึ่งในเบื้องต้นหากการเจรจาดีลดังกล่าวสำเร็จ จะสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับความคืบหน้าของบริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด (SHT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ DOD ที่ดำเนินธุรกิจโรงสกัดสารสกัดจากกัญชงนั้
บริษัทฯ เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีทิศทางการดำเนินงานที่ดีขึ้น จากการมีปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายที่จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนจากวัตถุดิบจะถูกลง จากจำนวนผู้ปลูกที่มีมากขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกันยายนนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะมีประกาศการเพิ่มปริมาณของสาร CDB ในผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริม ซึ่งจะทำให้มีปริมาณความต้องการใช้มากขึ้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงเชื่อว่าภายในปี 2565 จะเริ่มเห็นยอดขายของสาร CBD เข้ามา หลังจากที่ อย. ประกาศเพิ่มปริมาณของสาร CDB ออกมาอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ปัจจุบัน SHT ได้เริ่มดำเนินการสกัดสาร CBD ภายในโรงสกัดที่ได้มาตรฐานสากลเชิงพาณิชย์อย่างถูกกฎหมายเป็นรายแรกของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ รวมถึงเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบ ด้วยการรับซื้อช่อดอกกัญชงเข้ามาสกัดอย่างต่อเนื่องจากทั้งเกษตรกรพันธมิตรและเกษตรกรรายใหม่ๆ หลังจากที่ SHT เปิดรับซื้อ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีวัตถุดิบช่อดอกมากกว่า 1,000 กิโลกรัม รองรับความต้องการที่จะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง SHT จะเริ่มจำหน่ายสารสกัด CBD ที่เป็นวัตถุดิบในการผสมในผลิตภัณฑ์ให้กับ DOD และกลุ่มลูกค้าทั่วไป เพื่อนำไปผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยวัตถุดิบดังกล่าวเริ่มมีการทยอยส่งมอบตั้งแต่ช่วงไตรมาส2/2565 ที่ผ่านมา
“เรามีเป้าหมายให้บริการวิจัยคิดค้นสูตรและการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชง-กัญชา อย่างครบวงจรแบบ One Stop Service Solution ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ โดยล่าสุดเราได้เซ็นสัญญากับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีในประเทศอเมริกา เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในไลน์ผลิตเพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชง โดยจะนำทั้งเครื่องผลิต สูตร และองค์ความรู้ (Know-how) ของพันธมิตรมาประยุกต์ใช้กับริษัทฯ”