“เซ็น กรุ๊ป” ปลื้มยอดธุรกิจร้านอาหารและค้าปลีกพุ่ง

คุณยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและบัญชี บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารภายในประเทศมีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีทิศทางฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลดีต่อธุรกิจในเครือของเราเป็นอย่างมาก โดยผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 865 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 354 ล้านบาท หรือ 69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยรายได้จากธุรกิจร้านอาหารที่ปรับตัว 84% ซึ่งในไตรมาส 2 เติบโตกว่าไตรมาสแรกถึง 22% สำหรับครึ่งปีแรก ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 1,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 441 ล้านบาท หรือ 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราการเติบโตของรายได้ธุรกิจร้านอาหารของสาขาเดิม (SSSG) ของบริษัท 28.2%

อีกทั้งรายได้จากธุรกิจอาหารค้าปลีกที่เติบโตอย่างมาก หลังจากการเข้าลงทุนในบริษัท เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟูดส์ จำกัด (ผู้ผลิตเครื่องปรุงรส) ในเดือนเมษายน ปี 2564 และ บริษัท คิง มารีน ฟู้ดส์ จำกัด (ผู้จำหน่ายและค้าส่งอาหารทะเลแช่แข็ง) ในเดือนมีนาคม ปี 2565 ซึ่งการร่วมลงทุนในทั้ง 2 บริษัท ดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัทในการกระจายความเสี่ยง และสร้างความเข้มแข็งทางธุรกิจให้บริษัทจากการควบกิจการ (M&A)

ประกอบกับบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 49 ล้านบาท คิดเป็น 5.7% ของยอดรายได้

คุณปรีด์ สุวิมลธีระบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 เซ็น กรุ๊ป เปิดร้านอาหารใหม่จำนวน 9 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 5 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 4 สาขา หากนับรวมในครึ่งปีแรก ปี 2565 เซ็น กรุ๊ป เปิดร้านอาหารใหม่จำนวนทั้งหมด 14 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 7 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 7 สาขา ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 บริษัทมีสาขาร้านอาหารทั้งสิ้น 355 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 145 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 210 สาขา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41:59

ถือได้ว่าเป็นช่วงการเติบโตต่อเนื่องของธุรกิจทั้งร้านอาหารและธุรกิจอาหารค้าปลีกของทางเซ็น กรุ๊ป หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด นอกจากการเลือกปรับโมเดลธุรกิจและการออกโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าในการรับประทานอาหารที่ร้านให้มากขึ้นแล้ว ยังได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตในตลาดปิ้งย่างและตลาดชาบู ในครึ่งปีหลังนี้ ทางแบรนด์ ‘อากะ’ จึงได้มีการวางแผนขยายกว่า 15 สาขาภายในสิ้นปี โดยเฉพาะในไตรมาส 2 เริ่มเปิดไปแล้ว 3 สาขา ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และเดินหน้ารุกขยายเข้าสู่ตลาดชาบู แตกไลน์แบรนด์ใหม่ ‘อากะ ชาบู’ วางแผนเปิด 2 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ด้วยเช่นกัน โดยปักธงเปิดที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น 1 เป็นสาขาแรกแบบเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งยังได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมความสะดวกสบายให้ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นระบบ self-ordering และ AKA Robot ที่ช่วยเสิร์ฟอาหารได้อย่างแม่นยำ

และแบรนด์ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน คือ ‘เซ็น เรสเตอร์รอง’ ที่ล่าสุดได้มีการออกโปรโมชั่นใหม่ ในราคา 599+ บาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าเดิม และยังสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่ให้เข้ามารับประทานอาหารที่ร้านได้อีกด้วย โดยในไตรมาส 2 เซ็น เรสเตอร์รอง มีเปิดสาขาใหม่ 1 สาขา อีกทั้งยังมีแบรนด์ ‘ออน เดอะ เทเบิ้ล’ ที่ประสบความสำเร็จจากแคมเปญ คาแรคเตอร์ มาร์เก็ตติ้ง เปิดตัว “น้องโต๊ะจัง” ที่ทำให้แบรนด์ได้รับความสนใจมากขึ้นและส่งผลดีต่อยอดขายในร้านได้เป็นอย่างดี โดยในไตรมาส 2 ออน เดอะ เทเบิ้ล มีเปิดสาขาใหม่ 1 สาขา ส่วนธุรกิจร้านอาหารไทย คือ ‘ตำมั่ว’ ก็มีแผนขยายธุรกิจไปต่างประเทศ เน้นลุยตลาดในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ซึ่งคาดว่าภาพรวมของเซ็น กรุ๊ป ทั้งหมดนี้จะส่งผลให้พอร์ตธุรกิจในปีนี้และปีหน้าเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแน่นอน